ผู้อพยพเริ่มย้ายไปชนบทเพื่องานประจำ

NEWS: องค์กรที่ก่อตั้งขึ้นไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมผู้อพยพกับงานระยะยาวในพื้นที่ชนบทและช่วยให้พวกเขาตั้งรกรากใหม่ในชุมชนได้ กำลังประสบความสำเร็จตั้งแต่ระยะแรก

ชีวิตในส่วนภูมิภาคของออสเตรเลียมีความเหมือนกันอย่างน่าประหลาดกับปากีสถาน ประเทศบ้านเกิดของอาลิ ฮุสเซน

ชายวัย 29 ปีผู้นี้ ย้ายถิ่นฐานมายังออสเตรเลียเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และอาศัยอยู่กับอัยชา ภรรยาของเขา และดูร์เร ลูกสาววัย 18 เดือน ที่เมืองลีตัน (Leeton) เมืองเล็กๆ ในพื้นที่ริเวอร์รินา (Riverina) ของนิวเซาท์เวลส์

“มันสวยมาก เหมือนกันแต่ต่างไปเล็กน้อยที่ปากีสถาน แต่ผมชอบมากที่นี่” เขาบอกกับ เอสบีเอส นิวส์

“ผมชอบพื้นที่ชนบทแห่งนี้ เพราะผมมาจากปากีสถานที่ดูเหมือนกับพื้นที่ชนบท”
Ali Hussein and wife Ayesha with their daughter Durre moved to Leeton, NSW, a month ago.
Ali Hussein and wife Ayesha with their daughter Durre moved to Leeton, NSW, a month ago. Source: SBS News
แรกเริ่มนั้น ฮุสเซนย้ายไปยังนครเพิร์ธ แต่ประสบความยากลำบากในการหางานทำ ซึ่งบีบให้เขาต้องมองหางานทำที่อื่น

เขาได้ติดต่อกับองค์กรที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่คือองค์กร เรจินอล ออพพอร์ทูนิตีส์ ออสเตรเลีย (Regional Opportunities Australia องค์กรโอกาสในส่วนภูมิภาคของออสเตรเลีย หรืออาร์โอเอ) ซึ่งเชื่อมโยงผู้อพยพย้ายถิ่นกับตำแหน่งงานในระยะยาว และยังช่วยเหลือผู้อพยพย้ายถิ่นในการตั้งรกรากในชุมชนต่างๆ ด้วย

“เราหาตำแหน่งงานระยะยาวให้พวกเขา งานพวกนี้ไม่ใช่งานแบบ บินเข้าบินออก หรืองาน 2-3 เดือนตามฤดูกาล” คุณมาฮีร์ โมมันด์ ประธานกรรมการบริหาร ของอาร์โอเอ กล่าว

“เราเชื่อว่าหากผู้คนกำลังย้ายมายังพื้นที่ส่วนภูมิภาคของออสเตรเลีย พวกเขาควรย้ายไปที่นั่นอย่างถาวร”

“มีการขาดแคลนทักษะแรงงาน และเราเชื่อว่าทางหนึ่งที่จะแก้ปัญหาการขาดแคลนทักษะแรงงานคือการเชื่อมโยงทักษะการทำงานของผู้อพยพและผู้ลี้ภัย ที่มายังออสเตรเลีย ผู้ที่กำลังอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ”

จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย หรือเอบีเอส ซึ่งรวบรวมโดย ดร.ซาเจดา ทูลี จากมหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา ชี้ว่ามีผู้อพยพย้ายถิ่นจากนานาชาติ 1,379,055 คนเดินทางมาอาศัยอยู่ในออสเตรเลียระหว่างปี 2011 ถึง 2016

ผู้อพยพย้ายถิ่นเหล่านั้นเกือบร้อยละ 86 ตั้งรกรากพื้นที่เขตนครหลวงของรัฐต่างๆ ในออสเตรเลีย แต่มีเพียงร้อยละ 14 ที่ย้ายไปยังพื้นที่นอกเขตเมืองหลวงเหล่านั้น

ฮุสเซน และอาห์เม็ด ไบลาล หลานชายของเขา ทำงานอยู่ที่โรงงานเนื้อสัตว์ เจบีเอส ในท้องถิ่น ซึ่งจ้างงานผู้อพยพจำนวนหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว
The Riverina town of Leeton is a migrant and refugee welcoming community.
The Riverina town of Leeton is a migrant and refugee welcoming community. Source: SBS News
สำหรับ อาห์เม็ด วัย 17 ปี ซึ่งย้ายจากเพิร์ธมาอยู่ที่เมืองลีตันเช่นกัน เขาพบว่ากระบวนการย้ายเมืองนั้นมีความท้าทายบ้าง แต่ก็กล่าวว่าเขาดีใจที่เขาย้ายออกมาจากเมืองใหญ่

“มันยากที่จะรู้วัฒนธรรม เพราะมันแตกต่างไปจากประเทศของเรา”อาห์เม็ด กล่าว

“สำหรับผู้อพยพย้ายถิ่น ผมขอส่งเสริมให้พวกเขามาที่นี่ เพราะมีโอกาสการทำงานให้มากมาย และค่าเช่าที่พักก็ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆ”

ทั้งสองคนนั้นหวังว่าในที่สุดพวกเขาจะสามารถทำงานในสาขาอาชีพดั้งเดิมของพวกเขา คือเป็นช่างไฟฟ้า และช่างซ่อมเครื่องยนต์

อาร์โอเอ ยังให้ความช่วยเหลือให้พวกเขาได้รับการรับรองคุณวุฒิในวิชาชีพดั้งเดิมที่พวกเขาเคยทำอีกด้วย

นายโมมันด์ ประธานกรรมการบริหาร ของอาร์โอเอ กล่าวว่า ความยากลำบากในการได้รับการรับรองคุณวุฒิด้านวิชาชีพในออสเตรเลียนั้นเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปสำหรับผู้อพยพย้ายถิ่นจำนวนไม่น้อยในออสเตรเลีย และอาจทำให้การปรับตัวให้เข้ากับสังคมเมืองนั้นยากขึ้นไปอีก

“ในเมืองใหญ่ๆ พวกเขาไม่มีงานทำ ค่าครองชีพก็สูงมาก ดังนั้น ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนจึงอาจไม่แข็งแกร่งอย่างที่อาจเป็นไปได้ในส่วนภูมิภาคของออสเตรเลีย”

“อีกอย่างหนึ่งคือแม้ว่าในเมืองใหญ่อย่างเมลเบิร์นและซิดนีย์ อาจมีคนเป็นล้านๆ คนอาศัยอยู่ แต่ก็มีความรู้สึกโดดเดี่ยว เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านติดกันกับคุณอาจไม่พูดกับคุณเลยก็ได้”
Mahir Momand is the CEO of newly-established organisation, Regional Opportunities Australia.
Mahir Momand is the CEO of newly-established organisation, Regional Opportunities Australia. Source: SBS News
ต้นปีนี้ รัฐบาลสหพันธรัฐของออสเตรเลียได้เปิดตัวโครงการวีซ่าใหม่ คือวีซ่าแรงงานทักษะที่มีนายจ้างสปอนเซอร์และวีซ่าแรงงานทักษะสำหรับพื้นที่ส่วนภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้ผู้อพยพย้ายถิ่นไปตั้งรกรากในพื้นที่ส่วนภูมิภาคต่างๆ

วีซ่าประเภทนี้กำหนดให้ผู้สมัครต้องอาศัยอยู่นอกเมืองหลวงต่างๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 4 ปีก่อนที่พวกเขาจะสามารถขอเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรของออสเตรเลียได้

จะมีโควต้าสำหรับวีซ่าประเภทนี้ 23,000 วีซ่า ซึ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

โครงการวีซ่าใหม่นี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียบางส่วน แต่นายพอล เมย์ทัม นายกเทศมนตรีของเมืองลีตัน กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการให้การสนับสนุนด้านการเงินจากสำหรับที่พักอาศัยและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค

“หากเราจะทำเช่นนั้น เราจำเป็นต้องพยายามทำให้แน่ใจว่าเราต้องทำให้เหมาะสมเสียตั้งแต่แรก เพราะไม่เช่นนั้นหากเราทำไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ แน่นอนว่า มันจะใช้การไม่ได้แน่นอน” นายเมย์ทัม กล่าว

“เราไม่ได้รับงบประมาณสำหรับเรื่องนี้ และจึงสำคัญถ้านายกรัฐมนตรีต้องการให้เราในฐานะชุมชนชนบทอ้าแขนต้อนรับและเปิดรับผู้อพยพย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัย ผมต้องขอบอกว่าเราจะต้องแบมือขอ”

ขณะที่นายมาฮีร์ โมมันด์ มั่นใจว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการอยู่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคของออสเตรเลีย จะดึงดูดใจให้มีผู้อพยพย้ายถิ่นมากขึ้นตัดสินใจย้ายมาอยู่ในพื้นที่ชนบท แต่เขาก็เชื่อว่าจำเป็นต้องมีความช่วยเหลือมากขึ้นจากรัฐบาลด้วย

“เราต้องการอย่างมากที่จะให้รัฐบาลช่วยเหลือในการมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้มีที่อยู่อาศัยมากขึ้นในส่วนภูมิภาค เนื่องจากนี่จะช่วยผลักดันอย่างแท้จริงให้มีผู้คนมากขึ้นย้ายจากเมืองใหญ่ๆ มายังส่วนภูมิภาคของออสเตรเลีย” นายโมมันด์ ขององค์กร เรจินอล ออพพอร์ทูนิตีส์ ออสเตรเลีย (Regional Opportunities Australia) กล่าว

You can read the full article in English on SBS News page
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 9 September 2019 12:53pm
By Pablo Vinales
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News


Share this with family and friends