เปิดตัวแคมเปญดึงดูดลูกจ้างไปทำงานในควีนส์แลนด์

ควีนส์แลนด์เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด เพื่อพยายามดึงดูดใจแรงงานด้านการบริการ (hospitality) จากทั่วออสเตรเลียให้ย้ายไปทำงานที่ควีนส์แลนด์ แต่บางคนกล่าวว่าโครงการนี้อาจส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของประเทศเลวร้ายลง

فیلیپ باربارو

فیلیپ باربارو Source: SBS News

แม้ว่าตามพื้นที่กลางใจเมืองนครซิดนีย์ ลูกค้าจะพากันกลับมาแล้ว แต่สำหรับธุรกิจด้านการบริการ (hospitality) หลายๆ แห่งนั้น การขาดแคลนลูกจ้างยังคงเป็นปัญหาเรื้อรัง

คุณ ฟิลิป บาร์บาโร เจ้าของร้านกาแฟหลายแห่งในซิดนีย์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า

“เราขาดแคลนลูกจ้างในหลายๆ ร้าน มันลำบากเพราะเราผ่านวิกฤตโควิดมาแล้วในตอนนี้ ธุรกิจจึงเริ่มมีการค้าขายมากขึ้น แต่การจะได้ลูกจ้างที่มีทักษะหรือมีความรู้เฉพาะเกี่ยวกับงานบริการนั้นยากมาก แล้วยิ่งตอนนี้ เราต้องก้าวต่อไปโดยที่พรมแดนระหว่างประเทศยังปิดอยู่ ผมรู้ดีว่าเราต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ แต่มันจะยากลำบากมาก”

นี่เป็นปัญหาเดียวกันทั่วที่เกิดขึ้นทั่วประเทศออสเตรเลีย

และนางแอนนาสตาเชีย พาลาส์เชค์ (Annastacia Palaszczuk) มุขมนตรีควีนส์แลนด์ กำลังทำทุกอย่างเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวและลูกจ้างด้านการบริการ (hospitality) ให้มายังพื้นที่ทางเหนือสุดของรัฐควีนส์แลนด์

“โครงการเวิร์ก อิน พาราไดซ์ (Work in Paradise) ของเรา หรืออย่างที่ฉันอยากเรียกมันว่างานในพื้นที่ดั่งสวรรค์ เป็นโครงการที่ให้สิ่งจูงใจ ซึ่งจะให้เงิน 1,500 ดอลลาร์แก่คุณ เพื่อให้คุณมาที่นี่และทำงานที่นี่ เราต้องการคุณ เราต้องการให้คุณมาที่นี่และมาทำงานในพื้นที่ดั่งสวรรค์” นาง พาลาส์เชค์ มุขมนตรีควีนส์แลนด์ กล่าว

โครงการรณรงค์ด้วยทุนดำเนินการ 7.5 ล้านดอลลาร์นี้จะเริ่มต้นตั้งแต่ 1 กรกฎาคมนี้ ก่อนฤดูกาลท่องเที่ยวของพื้นที่เหนือสุดของควีนส์แลนด์จะเริ่มขึ้น

นายมาร์ก ออลเซน ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่ร้อนชื้นทางเหนือของควีนส์แลนด์ (Tourism Tropical North Queensland) กล่าวว่า

“ที่นี่เป็นสวรรค์ แต่มันไม่ใช่เพราะสวรรค์ที่ทำให้แตกต่าง แต่มันคือผู้ที่ทำให้เกิดความแตกต่าง มันคือแรงงานที่มีทักษะมีความสามารถ ซึ่งสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจเหล่านั้นให้เรา และสิ่งที่เราต้องการทำในฤดูหนาวนี้คือ ช่วยเหลือธุรกิจเหล่านั้นมากมาย ที่กำลังพยายามหารายได้มาอุดช่องโหว่ 2,000 ล้านดอลลาร์ที่เกิดเพราะโควิดในปี 2020”

ควีนส์แลนด์มีนักท่องเที่ยวภายในประเทศไหลบ่าเข้าไปเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการท้องถิ่นในควีนส์แลนด์กลับไม่สามารถฉวยประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่เฟื่องฟูขึ้นได้ เนื่องจากการขาดแคลนลูกจ้าง

ผู้ประกอบการบางรายถึงขนาดรับการจองเพียงร้อยละ 80 ของศักยภาพที่รองรับได้เท่านั้น

คุณนาทาสเชีย วีเลอร์ ผู้อำนวยการใหญ่ของ องค์การท่องเที่ยวเกาะวิตซันเดย์ (Tourism Whitsundays) กล่าวว่า

“เราได้เรียกร้องให้รัฐบาลของเราทุกระดับพิจารณาว่าจะช่วยเหลือเรื่องนี้ได้อย่างไร จนถึงขณะนี้พวกเราได้ทำงานกันอย่างดีเยี่ยมในการดึงดูดการท่องเที่ยวและผลักดันความต้องการ ซึ่งเรายินดีกับความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น แต่ขณะนี้ เราจำเป็นต้องเติมเต็มความต้องการแรงงาน เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่าอุตสาหกรรมของเราสามารถดำเนินธุรกิจอย่างเต็มศักยภาพสูงสุดได้ และสามารถให้บริการหรือให้ในสิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหาได้”

แต่บางคนกล่าวว่า เงิน 1,500 ดอลลาร์อาจไม่เพียงพอ หากพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายในการย้ายไปอาศัยอยู่ในรัฐอื่น

ขณะที่ เจ้าของธุรกิจในพื้นที่อื่นๆ เกรงว่า โครงการนี้อาจทำให้ปัญหาการขาดแคลนลูกจ้างของพวกเขาเลวร้ายยิ่งขึ้น

คุณฟิลิป บาร์บาโร เจ้าของร้านกาแฟ ในซิดนีย์ แสดงความเห็นว่า

“มันไม่ใช่แค่ควีนส์แลนด์ มันเกิดขึ้นทั่วประเทศ พวกเรากำลังประสบการขาดแคลนลูกจ้าง ขาดแคลนลูกจ้างที่มีทักษะ ขาดแคลนเชฟ ขาดบาริสต้า ขาดพนักงานเสิร์ฟ เรากำลังพบว่ามันยากลำบากที่จะจ้างพนักงานใหม่"

"ผมคิดว่าโครงการนี้ฉลาดมาก คุณกลาดิส (มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์) เราน่าจะทำแบบนี้กันบ้างไหม”

โครงการเวิร์ก อิน พาราไดซ์ (Work in Paradise) ของควีนส์แลนด์ ยังแจกบัตรกำนัลการเดินทาง (travel vouchers) และช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยราคาประหยัด

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการได้


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 




Share
Published 21 May 2021 3:46pm
Updated 12 August 2022 3:04pm
By Virginia Langeberg, Claire Slattery
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News

Share this with family and friends