พบผู้หญิงทำงานที่ไม่ได้ค่าตอบแทนมากกว่าผู้ชาย

NEWS: มีงานวิจัยใหม่ในรัฐวิกตอเรียที่พบว่า ผู้หญิงส่วนมากทำงานที่ไม่ได้ค่าตอบแทนมากกว่าผู้ชาย คิดเป็นเงินราวสองแสนล้านดอลลาร์

Vic government puts dollar figure on women's unpaid work

การวิจัยที่สนับสนุนโดยรัฐบาลรัฐวิกตอเรียพบว่า ผู้หญิงต้องทำงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนมากกว่าผู้ชาย 1.7 เท่าตัว Source: AAP

You can also read the full version of this story on SBS News

เมื่อพูดถึงชั่วโมงการทำงาน แน่นอนว่าเรื่องค่าตอบแทนนั้นมีให้เห็นเป็นตัวเลขชัดเจน แต่ถ้าพูดถึงงานบ้าน การทำกับข้าวที่บ้าน และกิจกรรมต่างๆ ในการเลี้ยงดูลูก คุณคิดว่ากิจกรรมเหล่านี้มีมูลค่าเท่าใด

เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียได้ประเมินมูลค่าของกิจกรรมเหล่านี้ โดยพบว่าอยู่ที่ราวๆ 205,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในรัฐวิกตอเรีย

การศึกษาโดยการสนับสนุนของรัฐบาลโดย Deloitte Access Economics เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐวิกตอเรียเพื่อชี้ให้เห็นถึงช่องว่างรายได้ระหว่างเพศ โดยงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนเหล่านี้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาดังกล่าว ข้อมูลจากการศึกษาครั้งนี้บ่งชี้ว่า ผู้หญิงต้องทำงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนเหล่านี้มากถึงร้อยละ 63.2 จากงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนอื่นๆ ในรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมากกว่าผู้ชาย 1.7 เท่า

“การประเมินมูลค่าของงานในที่อยู่อาศัยและและงานประเภทการดูแลในเคหสถานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนเหล่านี้ หมายความว่าเราจะสามารถประเมินค่าของงานเหล่านี้ได้” นางนาตาลี ฮัทชินส์ (Natalie Hutchins) รัฐมนตรีด้านสตรีกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 ต.ค.)

“เมื่อเราประเมินค่ามันได้ เราก็จะสามารถแบ่งปันได้” นางฮัทชินส์กล่าวเสริม”

เกรซ เปเปอร์ส (Grace Papers) ที่ปรึกษาด้านสถานประกอบการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วยงบประมาณราว 278,000 ดอลลาร์ เพื่อแนะนำให้ภาครัฐและลูกจ้างในเรื่องของการลาคลอดและเลี้ยงดูบุตร และการกลับมาทำงานตามปกติ

นางพรู กิลเบิร์ต (Prue Gilbert) ประธานฝ่ายบริหารของเกรซ เปเปอร์ส กล่าวว่า บริษัทได้มองลงไปใชนชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัวของทั้งชายและหญิง เพื่อช่วยให้พวกเขามองเห็นถึงความไม่เท่าเทียมในชีวิตงานและที่บ้าน

“มันเป็นเวลาที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะสลับบทบาทกัน จากเดิมที่มารดาเป็นผู้ดูแลลูก และบิดาเป็นผู้ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว และมันมีการพูดคุยที่จำเป็นต้องมีเมื่อผู้ดูแลบุตรต้องกลับไปทำงาน” นางกิลเบิร์ตกล่าวกับสำนักข่าวเอเอพี

นางกิลเบิร์ตกล่าวว่า งานของเธอนั้นเป็นการเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง มากกว่าการเปลี่ยนแปลงรายบุคคล

“สิ่งที่พ่อมือใหม่กังวลมากเป็นอันดับหนึ่งคือเรื่องความมั่นคงในอาชีพ ถ้าระบบเหล่านี้มันเปลี่ยนไป เราจะไม่เห็นความกดดันในเรื่องนี้ และถ้าหากผู้หญิงได้รับการสนับสนุนที่ดีขึ้น ผู้ชายก็จะไม่ต้องพบกับความกดดันในระดับเดียวกันกับผู้ที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว” นางกิลเบิร์ตกล่าวเสริม


Share
Published 17 October 2018 1:18pm
Updated 18 October 2018 11:20am
By AAP-SBS
Presented by Tinrawat Banyat
Source: AAP, SBS


Share this with family and friends