ผลต่อคนจะซื้อบ้านและคนที่ซื้อแล้วจากดอกเบี้ยเพิ่มหลายครั้งรวด

13102022 Sasa Financial Advice for home owners.png

คุณซาซ่า ศศิพินทุ์ เปรมสาย ที่ปรึกษาด้านสินเชื่อซื้อบ้าน (mortgage broker) ในเมลเบิร์น Source: Supplied / Sasapin Premsai

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในออสเตรเลีย ที่พุ่งสูงภายในเวลาอันสั้น ทำให้ผู้มีเงินกู้ซื้อบ้านต้องจ่ายมากขึ้นหลายร้อยดอลลาร์ต่อเดือน อีกทั้งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมของผู้ที่กำลังจะซื้อบ้าน และผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์ ผลกระทบมากเพียงไร คุณศศพินทุ์ เปรมสาย (ซาซ่า) ปรึกษาด้านสินเชื่อซื้อบ้าน (mortgage broker) ในเมลเบิร์น อธิบาย

ประเด็นสำคัญในพอดคาสต์

แบงค์ชาติออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25 เปอร์เซ็นต์เมื่อ 4 ตุลาคม
ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 6 ครั้งติดกันกำลังส่งผลกระทบต่อค่าผ่อนบ้านรายเดือนของผู้กู้ซื้อบ้าน
อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นภายในเวลาอันสั้นส่งผลต่อความสามารถในการกู้เงิน (borrowing power) ของประชาชนลดลง
จะเพิ่มความสามารถในการกู้ยืมของเราได้อย่างไร
ผู้กู้ที่ไม่สามารถชำระค่าผ่อนบ้านในแต่ละเดือนควรทำอย่างไร
การเตรียมความพร้อมทางการเงินสำหรับผู้คิดจะกู้เงินซื้อบ้าน

กด ▶ ด้านบนเพื่อฟังสัมภาษณ์

คุณซาซ่า ศศิพินทุ์ เปรมสาย กล่าวว่า จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งออสเตรเลียล่าสุด ที่เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีนี้จนถึงครั้งล่าสุด 4 ตุลาคมนั้น ผลกระทบจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน หากเปรียบเทียบจำนวนเงินที่ผู้กู้เงินซื้อบ้านต้องจ่ายรายเดือนในขณะนี้ เทียบกับเมื่อ 6 เดือนก่อน

“ผู้ที่มี home loan (สินเชื่อบ้าน) 500,000 ดอลลาร์ จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด 6 ครั้งที่ผ่านมา โดยค่าผ่อนจ่ายเพิ่มขึ้นถึง 687 เหรียญต่อเดือน สำหรับผู้ที่มี home loan 750,000 ดอลลาร์ ค่าผ่อนจ่ายรายเดือนเพิ่มขึ้นอีก 1,030 เหรียญ ซึ่งการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยทั้ง 6 ครั้งนี้ ส่งผลกระทบอย่างมาก และทำให้เห็นค่าผ่อนจ่ายแตกต่างไปอย่างมากค่ะ”

คุณซาซ่า ศศิพินทุ์ เปรมสาย ปรึกษาด้านสินเชื่อซื้อบ้าน ในเมลเบิร์น Source: Supplied / Sasapin Premsai

การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยทั้ง 6 ครั้งนี้ ส่งผลกระทบอย่างมาก เช่น ผู้ที่มี home loan 750,000 ดอลลาร์ ค่าผ่อนจ่ายรายเดือนได้เพิ่มขึ้นอีก 1,030 เหรียญ
ศศิพินทุ์ เปรมสาย (ซาซ่า)

นอกจากนี้ ประเด็นที่หลายคนอาจจะไม่ตระหนักคือ อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานที่เพิ่มขึ้นยังงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ยืม (borrowing power) ของประชาชนอีกด้วย เช่น ผู้ที่ได้รับอนุมัติเบื้องต้นวงเงินซื้อบ้าน (pre-approved home loan) โดยการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเพียงแค่ภายในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มนี้อย่างมาก

“ความสามารถในการกู้ยืมของครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นสามีภรรยาที่มีลูก 1 คน แต่ละคนมีเงินเดือน 63,000 ดอลลาร์ ความสามารถในการกู้จะลดลงมาจาก 752,000 มาอยู่ที่อยู่ที่ 672,000 ซึ่งลดลงมาถึง 80,000 เหรียญ จึงเห็นได้ว่าความแตกต่างมันเยอะในระยะเวลาแค่สามเดือน” คุณซาซ่า ยกตัวอย่าง

อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาอันรวดเร็วกำลังส่งผลทำให้ความสามารถในการกู้ยืม (borrowing power) ลดลง Source: Pixabay

สามีภรรยาที่มีลูก 1 คน แต่ละคนมีเงินเดือน 63,000 ดอลลาร์ ความสามารถในการกู้ของครอบครัวนี้จะลดลงมา 80,000 เหรียญ ภายในแค่ 3 เดือน

ในขณะเดียวกัน ปัญหาเรื่องความสามารถในการกู้ยืม กู้ยืม (borrowing power) ที่ลดลง ยังส่งผลต่อผู้ที่มีเงินกู้ซื้อบ้านอยู่แล้วบางคนที่ต้องการรีไฟแนนซ์ด้วย

“ถ้ามูลค่าบ้านของท่านลดลง โดยเฉพาะท่านที่เพิ่งซื้อบ้านในช่วงปีหรือสองปีที่ผ่านมา มาถึงตอนนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกลงมา 15-20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ท่านไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ เพราะยอดหนี้ต่อมูลค่าบ้านมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์”

ความสามารถในการกู้ยืม (borrowing power) ของท่านจะลดลง เพราะเงินเดือนไม่เพิ่ม แต่อัตราดอกเบี้ยเพิ่ม

คุณซาซ่าอธิบายต่อไปว่า “สำหรับที่กู้เงินซื้อบ้านไปเมื่อปีหรือสองปีที่แล้ว และท่านได้กู้ยืมถึงเพดานสูงสุดของความสามารถในการกู้ยืมของท่านแล้ว ถ้าท่านจะรีไฟแนนซ์ ความสามารถในการกู้ยืมของท่านจะลดลง เพราะเงินเดือนไม่เพิ่ม แต่อัตราดอกเบี้ยเพิ่ม”

ผู้ที่มีเงินกู้ในอัตราคงที่ ที่ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาที่ระบุในสัญญาแล้ว จะได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน และควรมองหาทางรับสถานการณ์

“คนที่กู้เงินอัตราดอกเบี้ย fixed term (ตายตัว) ของพวกเขาใกล้สิ้นสุดลงแล้ว จากเดิมที่เคยจ่ายในอัตราดอกเบี้ย 1.99 ต้องเปลี่ยนมาเป็น 4.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งค่าผ่อนจ่ายจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ทำให้ผลกระทบค่อนข้างเยอะ และน่าระวัง เพราะอาจทำให้ไม่สามารถจ่ายได้”

ผู้ที่มี pre-approved home loan ผู้ที่จะรีไฟแนนซ์ หรือผู้ที่อัตรา fixed term จะสิ้นสุดลงเร็วๆ นี้ จะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นด้วย เช่นเดียวกับผู้ที่กำลังจะกู้เงินซื้อบ้าน Source: Pixabay

จากที่เคยจ่ายในอัตรา 1.99 ต้องเปลี่ยนเป็น 4.5 ซึ่งค่าผ่อนจ่ายจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว

คุณซาซ่ายังได้ฝากคำแนะนำที่สำคัญถึงผู้ที่อาจมีปัญหาในการผ่อนชำระเงินกู้ซื้อบ้านให้ตรงเวลาด้วยว่า

“ถ้าท่านบริหารความสามารถในการผ่อนจ่ายจนสุดแล้ว แต่ไม่มีความสามารถ อย่าเงียบไปนะคะ การสื่อสารกับธนาคารหรือองค์กรทางการเงินให้เขาช่วยเหลือมีความสำคัญ ถ้าท่านเงียบไป และไม่ตอบเขา (ธนาคาร) มันจะส่งผลต่อประวัติการเงินของท่าน ทุกอย่างมีทางแก้ไข เพียงแต่เราสื่อสารกับเขาให้ชัดเจนค่ะ”

ติดตามฟังคุณซาซ่า ศศิพินทุ์ เปรมสาย ได้อย่างละเอียด ในสัมภาษณ์ฉบับเต็ม

คลิก ▶ เพื่อฟังสัมภาษณ์