Settlement Guide: จะรับมือกับหนี้สินจากสถานการณ์โควิดอย่างไร

ในช่วง 1 ปี ของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 มีชาวออสเตรเลียจำนวนมากติดอยู่ในวงจรการเป็นหนี้สะสมเพิ่มขึ้น และต้องพึ่งพาสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในครัวเรือน รวมถึงค่าครองชีพ หากปริมาณหนี้สินของคุณเพิ่มมากขึ้นจนเกินควบคุม มีบริการปรึกษาด้านการเงินที่ฟรีและเป็นส่วนตัว ซึ่งสามารถช่วยคุณประเมินสถานการณ์ และจัดเตรียมแผนการชำระหนี้คืนที่สามารถจัดการได้

Source: Getty Images/Geber86

ประเด็นสำคัญ

• การเปิดช่องทางสื่อสารกับสถาบันทางการเงิน เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการโอนหนี้ 
• ให้ความสำคัญในการชำระหนี้ที่มีภาระผูกมัดกับสินทรัพย์ และหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงก่อน
• มีผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินราว 850 คนทั่วประเทศ ที่ให้บริการคำปรึกษาฟรี เป็นส่วนตัว และให้บริการสนับสนุนทางกฎหมาย โดยพวกเขาสามารถช่วยเหลือคุณได้ในภาษาต่าง ๆ  

---

LISTEN TO

Settlement Guide: จะรับมือกับหนี้สินจากสถานการณ์โควิดอย่างไร

SBS Thai

22/02/202108:16

Play

ในทุก ๆ วัน คุณซาราห์ บราวน์-ชอว (Sarah Brown-Shaw) ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน จากสายช่วยเหลือปัญหาหนี้สินแห่งชาติ (National Debt Helpline) พูดคุยกับผู้คนที่ต้องดิ้นรนเพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และผู้ที่กังวลเกี่ยวกับการชำระหนี้

เธอเล่าว่า สำหรับหลายครอบครัว การตอบรับทางเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์ไวรัสโคโรนา คือการตกอยู่ภายใต้ภาระผูกพันทางการเงิน และในตอนนี้ พวกเขากำลังพบเจอกับหนี้สินที่มากขึ้นกว่าเดิม  

“เราพบเจอกับสถานการณ์ที่ว่า ผ่านมาแล้ว 1 ปีในสถานการณ์โควิด ผู้คนมีหนี้สินมากกว่าที่พวกเขาเคยมีในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากส่วนมากพวกเขาไม่ได้ชำระสินเชื่อ บัตรเครดิต และค่าผ่อนบ้าน และธนาคารก็ยังคงคิดดอกเบี้ยต่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นหนี้มากขึ้นในวันนี้มากกว่าเมื่อ 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวล” คุณบราวน์-ชอว กล่าว

หากคุณประสบความยากลำบากในการชำระค่าใช้จ่ายและการชำระสินเชื่อเมื่อถึงเวลา การวางแผนและการหยุดก่อหนี้สินเพิ่มขึ้นนั้นเป็นความคิดที่ดี

วางแผน

คุณเดมาเรีย (Demaria) นักเศรษฐศาสตร์ และสมาชิกสมาคมเศรษฐกิจออสเตรเลียและอุรุกวัย (Economic Society of Australia and Uruguay) จากนครซิดนีย์​แนะนำว่า คุณควรจัดทำรายการหนี้สินและอัตราดอกเบี้ย 

เมื่อต้องรับมือกับหนี้สินหลายทาง คุณเดมาเรีย กล่าวว่า คุณควรจัดลำดับความสำคัญด้วยการการชำระหนี้ที่ผูกพันกับสินทรัพย์ของคุณก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นตามมาด้วยหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นลำดับรองลงมา 

“คุณต้องเข้าใจว่า ดอกเบี้ยทบต้นนั้นจะไม่หายไปไหน ดังนั้นหากคุณเป็นหนี้ $10 ดอลลาร์ และอัตราดอกเบี้ยคือ 10% ในวันพรุ่งนี้คุณก็จะเป็นหนี้ $11 ดอลลาร์ และจากนั้นก็จะเพิ่มเป็น $12.20, $13.70 และมากขึ้นไปเรื่อย ๆ” คุณเดมาเรีย กล่าว

Source: Getty Images/Terry Vine

เปิดช่องทางในการสื่อสารของคุณกับผู้อื่น

คุณลินดา เอ็ดเวิร์ดส์ (Lynda Edwards) ผู้ทำงานที่มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนโอกาส ความเท่าเทียม และความยืดหยุ่นทางการเงินเพื่อชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส จาก Financial Counselling Australia องค์กรให้คำปรึกษาทางการเงินที่ไม่แสวงผลกำไร กล่าวว่า การเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างคุณและสถาบันทางการเงินคือวิธีที่ดีที่สุดในหนทางสู่การโอนหนี้ 

ขณะที่คุณเอ็ดเวิร์ดส์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการติดต่อกับเจ้าหนี้อย่างใกล้ชิด และการสร้างแผนชำระหนี้ที่สามารจัดการได้แล้ว คุณจะต้องรู้วิธีในการพูดคุยกับพวกเขาด้วย

“สิ่งแรกที่ดิฉันจะบอกกับใครสักคนหากต้องพูดคุยกับธนาคาร คือการใช้คำว่า ‘ฉันได้รับความเดือดร้อนทางการเงิน’ และหลังจากนั้น การสนทนาจะเปลี่ยนไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของคุณ” คุณเอ็ดเวิร์ดส์ กล่าว

Source: Getty Images/10, 000 Hours

การรวมหนี้

หากคุณต้องรับมือกับหนี้หลายทางที่มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยสูง และวันกำหนดชำระปบบเดือนชนเดือน คุณเดมาเรีย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เรียกว่า “การรวมหนี้ (debt consolidation)” อาจเป็นสิ่งที่คุณสนใจ

“สมมุติว่าคุณมีบัตรเครดิต 7 ใบ และทุกใบเลยกำหนดชำระหนี้แล้วหลายเดือน การรวมหนี้จะรวมหนี้สินจากบัตรทั้ง 7 ใบเป็นหนี้ก้อนเดียว และออกสินเชื่อใหม่เพื่อให้คุณจ่ายคืนเพียงทางเดียว แทนที่จะต้องจ่ายแยกกัน 7 ใบ ข้อดีก็คืออัตราดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายนั้นจะต่ำลงหากเทียบกับการจ่ายแยก และให้ความรู้สึกเหมือนกับได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” คุณเดมาเรีย กล่าว

การรวมหนี้สินหลายทางเป็นหนี้เพียงก้อนเดียว และจ่ายคืนในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า อาจฟังดูน่าสนใจ แต่บริการเหล่านี้มีราคาที่คุณต้องจ่าย คุณเดมาเรียเตือนว่า บริษัทรวมหนี้สินล้วนต่างทำธุรกิจเพื่อหารายได้จากการรวมหนี้ทั้งสิ้น และมีผลประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้งอยู่เสมอ

ด้าน คุณซาราห์ บราวน์-ชอว (Sarah Brown-Shaw) จากสายช่วยเหลือปัญหาหนี้สินแห่งชาติ ได้เห็นพ้องในเรื่องนี้ โดยได้เตือนว่า

“มีข้อมูลผิด ๆ และความสับสนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินนี้เป็นจำนวนมาก เราขอให้ผู้ที่วางแผนที่จะรวมหนี้พูดคุยกับผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินเป็นอันดับแรก เพราะนั่นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด” คุณบราวน์-ชอว กล่าว

Source: Getty Images/Jose Luis Pelaez Inc

มองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

คุณลินดา เอ็ดเวิร์ดส์ แนะนำว่า คุณควรหาความช่วยเหลือจากผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน ในทันทีที่คุณคิดว่ากำลังจะมีปัญหาในการชำระหนี้

“โทรหาสายช่วยเหลือปัญหาหนี้สินแห่งชาติ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1800 007 007 หากคุณจำเป็นต้องพบกับผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินแบบตัวต่อตัว ผู้ให้คำปรึกษาพูดกับคุณในสายสามารถส่งต่อกรณีของคุณไปยังบริการที่เหมาะสมใกล้บ้านได้” คุณเอ็ดเวิร์ดส์ กล่าว

หากภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแรกของคุณ และคุณมีปัญหาในการสื่อสาร ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินในสายช่วยเหลือปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สามารถใช้บริการแปลและล่าม ที่จัดหาโดยหน่วยงานมหาดไทยของออสเตรเลียได้

นอกจากนี้ คุณบราวน์-ชอว ยังกล่าวอีกว่า ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินสามารถดำเนินการสนับสนุนในนามของคุณได้ หากคุณไม่สามารถจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าอินเทอร์เน็ต หรือค่าโทรศัพท์ รวมถึงค่าผ่อนบ้าน ค่าบัตรเครดิต หรือเงินกู้สำหรับวันเงินเดือนออก หรือเพย์เดย์ โลน (pay day loan) ได้

Source: Getty Images/kate_sept2004

มีผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน 850 คนจากทั่วประเทศ ซึ่งให้บริการคำปรึกษาฟรีและเป็นความลับ เพื่อช่วยเหลือคุณในการเจรจาหาทางเลือกอื่น ๆ ในการชำระหนี้ และปรับปรุงสถานการณ์ทางการเงินของคุณให้ดีขึ้น

สำหรับบริการให้คำปรึกษาทางการเงินฟรีและเป็นความลับ รวมถึงการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย โปรดติดต่อ สายช่วยเหลือปัญหาหนี้สินแห่งชาติ (National Debt Helpline)  ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1800 007 007 หรือที่เว็บไซต์ ndh.org.au

---

คุณอาจสังเกตว่า เอสบีเอส ไทย ไม่มีความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊ก แต่คุณยังสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเรา ได้ที่เว็บไซต์ sbs.com.au/thai บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้ท่านพลาดสถานการณ์ล่าสุด

นอกจากนี้ คุณยังสามารถรับฟังข่าวสารล่าสุดเป็นภาษาไทยผ่านทางวิทยุออนไลน์ได้ที่แอปฯ SBS Radio