กด 🔊 เพื่อฟังเรื่องนี้
LISTEN TO
ผ่านร่าง พรบ. ป้องกันการกระทำผิดทางเพศซ้ำ
SBS Thai
14/07/202208:49
ขณะนี้ ออสเตรเลียมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงอีกครั้ง และสร้างแรงกดดันในภาคส่วนให้บริการด้านสุขภาพ
รัฐวิกตอเรียใช้รหัสสีแดง (Code red) แล้วถึง 2 ครั้ง ภายในเวลา 2 สัปดาห์ สร้างความกดดันต่อเจ้าหน้าที่พยาบาลฉุกเฉินที่ต้องรับมือกับการโทรเรียก
คุณแดนนี ฮิลล์ (Danny Hill) เลขาธิการสหภาพรถพยาบาลฉุกเฉินแห่งรัฐวิกตอเรีย (Victoria's Ambulance Union) กล่าวว่า การโทรเรียกรถฉุกเฉินจำนวนมากนี้เป็นผลจากการที่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขได้
“มีความต้องการรับบริการล้นหลามมากๆ หลายเคสที่เข้ามาหาเราในตอนนี้ จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ต้องการบริการจากหน่วยแพทย์พยาบาลฉุกเฉินเลย และอาจไม่ต้องใช้บริการแผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงเพราะพวกเขาไม่สามารถรับบริการทางสาธารณสุขที่พวกเขาต้องการได้ที่บ้าน หรือจากแพทย์จีพี (GP) หรือจากบ้านพักคนชรา พวกเขาเลยหันมาโทร 000 มันเป็นเรื่องของความต้องการที่ทับถมในระบบ และล้นมาถึงเราที่ทำงานในหน่วยรถฉุกเฉิน”
หลายเคสที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลมีอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
เป็นผลมาจากไข้หวัดใหญ่และไวรัสในฤดูหนาวตัวอื่นๆ ที่กำลังแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น แบบที่เราไม่เคยพบมาก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
ยังมีสายพันธุ์ย่อยโควิด-19 ตัวใหม่อีก 2 ตัว บีเอ.4 (BA.4) และบีเอ.5 (BA.5) ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้ ภายในเวลาเพียงแค่ 4 สัปดาห์
คุณพอล เคลลี (Paul Kelly) หัวหน้าบุคลากรทางแพทย์แห่งออสเตรเลียกล่าวว่า นี่แสดงให้เห็นถึงปัญหาใหม่ในการต่อสู้กับไวรัส และเขาแนะนำให้สาธารณชนใช้ความระมัดระวัง
“มันเป็นอีกระลอกนึงที่ไวรัสตัวนี้มีต่อเรา เราคาดการณ์ว่าไวรัสสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่นี้จะทำให้เคสและจำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงขึ้นอีกในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าคุณสามารถติดเชื้อซ้ำได้เร็วกว่าที่เราเคยพบ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือผู้ที่มีอาการอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาติดเชื้อโควิด-19 ภายในเวลา 28 วันหรือมากกว่านั้น ควรไปตรวจเชื้อ และจัดการแยกตัวอย่างเหมาะสม”
จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นสูงมาก ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ในทุกรัฐและมณฑลของออสเตรเลีย
รัฐวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 57 เปอร์เซ็นต์ รัฐนิวเซาท์เวลส์สูงขึ้น 33 เปอร์เซ็นต์ และรัฐทาสแมเนียสูงขึ้น 120 เปอร์เซ็นต์
ศาสตราจารย์แคทเทอรีน เบนเน็ตต์ (Catherine Bennett) ประธานภาควิชาระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยดีคิน (Deakin University’s Epidemiology) กล่าวว่า แม้การฉีดวัคซีนจะสามารถป้องกันจากการเจ็บป่วยรุนแรงได้ จำเป็นต้องใช้มาตรการต่างๆ กับไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ เพื่อช่วยลดการแพร่เชื้อ
ศจ.เบนเน็ตต์กล่าวว่า ประชาชนควรใช้วิธีป้องกัน เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง 1.5 เมตรเพื่อความปลอดภัย เพื่อช่วยลดตัวเลขการติดเชื้อ
“สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง สิ่งเหล่านี้ที่เราพูดกันมาเป็นเวลานานมีความหมาย มันช่วยลดความเสี่ยงจากไข้หวัดใหญ่ อาร์เอสวี (RSV) ไรโนไวรัส (Rhinovirus) ได้จริง การติดเชื้อที่คุณสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย เรายังต้องคิดถึงการป้องกันอื่นๆ ด้วย เช่น การเว้นระยะห่างระหว่างตัวเราและผู้อื่น ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย เราจะอยู่ในสถานะที่ดีกว่าในการจัดการกับมัน เพื่อที่เราจะไม่เห็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิเช่นนั้น จะสร้างความกดดันต่อโรงพยาบาลต่างๆ ต้องรับมือมากขึ้น” 
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐวิกตอเรียแนะนำให้นำมาตรการบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยมาใช้อีกครั้ง ในบริเวณโรงเรียน ร้านขายของ และสถานบริการบางแห่ง
นายแอนโทนี อัลบานีซี นายกรัฐมนตรีฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 Source: AAP
นางแมรี-แอน โทมัส (Mary-Anne Thomas) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า เธอเห็นด้วยกับคำแนะนำนี้ แต่จะไม่บังคับใช้ข้อกำหนดเรื่องสวมใส่หน้ากากอนามัย
“การสวมใส่หน้ากากอนามัยในบริเวณภายในตัวอาคารและสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยภายใต้กฎเพื่อการระบาดครั้งใหม่นี้ ฉันตัดสินใจตามคำแนะนำที่ฉันได้รับว่า การบังคับใช้กฎสวมใส่หน้ากากอนามัยนั้นไม่ใช่วิธีที่จะสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเรื่องของความสำคัญของการสวมใส่หน้ากากอนามัย เราควรให้ประชาชนรัฐวิกตอเรียติดสินใจเอง”
รัฐบาลกลางกล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดระบุว่าโควิด-19 ได้แซงหน้าโรคหลอดเลือดหัวใจ รั้งอันดับหนึ่งสาเหตุการเสียชีวิตของออสเตรเลีย
และจะใช้เวลาอีก 4 - 6 สัปดาห์กว่าคลื่นการระบาดนี้จะถึงขีดสุด
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
