Settlement Guide: การเลือกโรงเรียนมัธยมศึกษาสำหรับบุตรหลาน

ภาพเด็กๆ กำลังออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียนในวันที่ฟ้าแจ่มใส

Source: Getty Images/davidf

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

การเลือกโรงเรียนมัธยมศึกษาอาจเป็นเรื่องที่สร้างความเครียดให้กับพ่อแม่และลูก ๆ ได้อย่างไม่คาดคิด แต่หากคำนึกถึงสิ่งสำคัญเหล่านี้ ครอบครัวของคุณก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านเขาวงกตข้อมูลต่าง ๆ เพื่อหาสถานศึกษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูก ๆ และสถานภาพของพวกเขา


ประเด็นสำคัญ

  • โรงเรียนมัธยมศึกษาในออสเตรเลียมี 3 ประเภท ได้แก่ โรงเรียนของรัฐบาล โรงเรียนคาทอลิก และโรงเรียนเอกชน
  • การเลือกโรงเรียนควรมีพื้นฐานมากกว่าการดูที่ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการเพียงอย่างเดียว 
  • มีเครื่องมือทางออนไลน์เพื่อช่วยเปรียบเทียบโรงเรียนต่าง ๆ รวมถึงค้นหาโรงเรียนในพื้นที่ของคุณ
  • พยายามเลือกโรงเรียนที่มีวัฒนธรรมตรงกับค่านิยมของคุณ

กด (▶️) เพื่อฟังรายงาน
LISTEN TO
Settlement Guide: Choosing a High School image

Settlement Guide: การเลือกโรงเรียนมัธยมศึกษาสำหรับบุตรหลาน

SBS Thai

14/06/202211:20
เมื่อถึงเวลาต้องเลือกโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น หรือโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในออสเตรเลีย อาจมีตัวเลือกต่าง ๆ มากมายเต็มไปหมด

ดีเรก แม็คคอร์แม็ค (Derek McCormack) ผู้อำนวยการองค์กร Raising Children Network เข้าใจว่าเพราะเหตุใดการเลือกโรงเรียนมัธยมให้กับบุตรหลานจึงเป็นเรื่องที่สร้างความเครียดให้กับหลายครอบครัว
เหตุผลที่มันอาจสร้างความเครียดก็คือ เพราะมีหลายสิ่งที่พวกเขาอาจต้องการพิจารณา เช่น โรงเรียนนั้นเหมาะสมกับความต้องการทางปฏิบัติของพวกเขาอย่างไร ตรงกับค่านิยมส่วนตัวและความชอบของพวกเขาอย่างไร และโรงเรียนเหล่านั้นจะตรงกับความคาดหวังของพวกเขาในด้านความสำเร็จทางวิชาการของลูก ๆ อย่างไร คุณแม็กคอร์แม็ก กล่าว
คุณรอส ไวท์ (Ross White) ผู้จัดการทั่วไปของ Good Education Group กล่าวว่า การค้นหาข้อมูลที่ได้รับการนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่ายนั้นเป็นเรื่องท้าทาย

“มีข้อมูลจำนวนมากที่พ่อแม่อาจต้องอ่านเพื่อที่จะแยกโรงเรียนหนึ่งจากอีกโรงเรียนหนึ่ง และความท้าทายของข้อมูลเหล่านั้นก็คือมันเยอะแยะและซับซ้อนจริง ๆ”

“ดังนั้น เมื่อเราพูดถึงผลลัพธ์ทางวิชาการหรือข้อมูลการสอบ NAPLAN หรือแม้กระทั่งจำนวนการลงทะเบียนเรียน นั่นอาจเป็นข้อมูลที่ซับซ้อนมากกว่าการแนะนำชื่อโรงเรียน และความท้าทายในข้อมูลเหล่านั้นอีกอย่างก็คือมันมักจะได้รับการนำเสนอในหลายรูปแบบและหลายช่องทาง” คุณไวท์ กล่าว

Good Education Group ได้ตีพิมพ์แนวทางสำหรับพ่อแม่ในการเปรียบเทียบโรงเรียนต่าง ๆ ในออสเตรเลียที่เรียกว่า ขณะที่คุณไวท์ได้ระบุชี้ถึงสิ่งสำคัญ 4 อย่าง ที่พ่อแม่ควรพิจารณาเมื่อเลือกโรงเรียนให้กับลูกบนพื้นฐานของคำแนะนำที่ได้มีการตีพิมพ์ดังกล่าว
ค่าใช้จ่าย สถานที่ตั้ง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ และความเหมาะสม โดยทั่วไปแล้วทุกคนที่กำลังมองหาโรงเรียนจะดูที่ 4 อย่างนี้ นั่นคือ จะเดินทางไปได้ไหม สถานที่ตั้งเหมาะสมหรือเปล่า จะจ่ายไหวหรือเปล่า การเรียนการสอนเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้อาจมีความหมายแตกต่างกันไปสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองแต่ละคน
“และการดูว่าโรงเรียนเหมาะสมหรือไม่นั้น ความเหมาะสมก็อาจหมายถึงความเหมาะสมทางวัฒนธรรม หรืออาจเป็นความเหมาะสมจำเพาะสำหรับบุตรหลานของคุณก็ได้”

ในแง่ของ “ความเหมาะสม” หรือการเลือกโรงเรียนที่มีวัฒนธรรมตรงกับค่านิยมของคุณ ซึ่งคุณดีเรก แม็คคอร์แม็ค จาก Raising Children Network กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญเมื่อคำนึงถึงเรื่องการเลือกโรงเรียนนั้น มีหลายคำถามสำคัญที่ต้องพิจารณา
เราต้องการโรงเรียนรัฐหรือเอกชน วัฒนธรรมของโรงเรียนนั้นให้ความรู้สึกอย่างไร ตรงกับวัฒนธรรมของเราในฐานะครอบครัวหรือไม่ เช่น การเน้นผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ กฎระเบียบเรื่องเครื่องแต่งกาย มีกิจกรรมหรือกีฬาภาคบังคับในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือไม่ บางครอบครัวอาจต้องการให้คนในครอบครัวเข้าโรงเรียนเดียวกัน และก็อาจมีปรัชญาการสอนจำเพาะที่พ่อแม่และลูก ๆ ให้ความสนใจ คุณแม็คคอร์แม็ค จาก Raising Children Network กล่าว
นอกจากนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองอาจต้องการพิจารณาเลือกโรงเรียนสอนศาสนา และดูว่าสิ่งนั้นสำคัญสำหรับพวกเขาหรือไม่ ซึ่งความต้องการของบุตรหลานมีผลต่อการตัดสินใจของคุณ
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ แน่นอนว่าเด็ก ๆ มีความสนใจที่หลากหลาย กิจกรรมนอกหลักสูตร หรือที่สำคัญที่สุด เพื่อนและคอนเนคชันของพวกเขา นั่นหมายความว่าพวกเขาอาจต้องการเรียนในโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง และนั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่พ่อแม่ต้องพิจารณา รับฟังและพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นซึ่งสำคัญสำหรับลูก ๆ คุณแม็คคอร์แม็ค กล่าว
นักเรียนกำลังร่วมกิจกรรมในคาบเรียนกลางแจ้ง
Source: Getty Images/Daniel Pockett

สิ่งที่ต้องพิจารณา

โรงเรียนมัธยมศึกษาในออสเตรเลียปกติแล้วแบ่งออกเป็น 3 ภาคส่วน ได้แก่ โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนคาทอลิก และโรงเรียนเอกชน

หลายครอบครัวเลือกที่จะส่งบุตรหลานเข้าเรียนที่โรงเรียนรัฐในท้องถิ่น การค้นหาทางออนไลน์จะสามารถระบุหาโรงเรียนรัฐบาลที่อยู่ในเขตลงทะเบียนเรียนของคุณได้ (enrolment zone) ซึ่งคุณแม็คคอร์แม็คอธิบายว่า เขตดังกล่าวหมายถึงพื้นที่ซึ่งอยู่รอบ ๆ โรงเรียน
ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ๆ คุณอยู่อาศัย บุตรหลานของคุณอาจมีสิทธิ์ได้เข้าเรียนในโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งในเขตนั้น แต่ถ้าหากคุณสนใจที่จะให้บุตรหลานเข้าศึกษาในโรงเรียนนอกเขต มันจะมีประโยชน์ที่คุณจะติดต่อโรงเรียนเหล่านั้นและดูว่าอะไรบ้างที่เป็นไปได้ คุณแม็คคอร์แม็ค กล่าว
ในบางรัฐอาจมีโรงเรียนรัฐบาลที่ใช้วิธีรับเข้าแบบคัดเลือก หรือมีการคัดเลือกเพื่อเข้าชั้นเรียนภายในโรงเรียนนั้น โรงเรียนเหล่านี้จะมีการสอบเข้าเพื่อแข่งขัน

คุณอาลีน (Arlene) ผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่ง ลูกชายของเธอได้เริ่มเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาที่นครเมลเบิร์นในปีนี้ กล่าวว่า โรงเรียนประถมศึกษาสนับสนุนนักเรียนให้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาของรัฐบาลในท้องถิ่น

“ช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมปีก่อน เมื่อถึงชั้นปีที่ 6 ทางโรงเรียนได้ส่งข้อมูลบางอย่าง ซึ่งจะให้ข้อเสนอสำหรับคุณในการเลือกโรงเรียนมัธยมศึกษาในพื้นที่ และคุณก็มีตัวเลือกที่จะกรอกโรงเรียนที่ต้องการ” คุณอาลีน กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนมัธยมศึกษาเฉพาะทางที่เน้นการศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ เช่น ศิลปะสร้างสรรค์และการแสดง ภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือกีฬา ซึ่งนักเรียนที่เข้าเรียนจะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนกำหนด และโรงเรียนศึกษาพิเศษในระดับมัธยมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งสนับสนุนนักเรียนที่มีภาวะความพิการ ภาวะทางสุขภาพ หรือมีความยากลำบากในการเรียนรู้

สำหรับคุณอาร์ลีน เธอเลือกที่จะค้นหาโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ไม่ใช่ของรัฐบาล

“เรามองหาโรงเรียนที่ดีที่สุดที่เราจ่ายได้ในบริเวณที่ใกล้กับที่ตั้งของเราให้มากที่สุด มันจึงเป็นการผสมผสานระหว่างสถานที่ และสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ด้วยเงินที่จ่ายได้ เราพบโรงเรียนคาทอลิกที่มีชื่อเสียงมากในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเรา และดูเหมือนว่าจะเหมาะสมอย่างยิ่ง” คุณอาร์ลีน กล่าว
นักเรียนในชั้นเรียนงานไม้
Source: Getty Images/Daniel Pockett

โรงเรียนที่ไม่ใช่ของรัฐบาล

สำหรับโรงเรียนเอกชนนั้น ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าโรงเรียนคาทอลิก ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปตามโรงเรียนต่าง ๆ ส่วนโรงเรียนของรัฐบาลจะเรียกเก็บค่าบำรุงการศึกษาด้วยความสมัครใจ

การเปรียบเทียบโรงเรียนต่าง ๆ

เครื่องมือทางออนไลน์ ได้แก่ และเว็บไซต์ จะแสดงรายชื่อโรงเรียนต่าง ๆ ด้วยการค้นหาตามเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น รูปแบบ สถานที่ตั้ง ศาสนา โรงเรียนชาติพันธุ์เดี่ยวหรือผสม นอกจากนี้ คุณยังสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผมสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ได้อีกด้วย

คุณรอส ไวท์ จาก Good Education Group กล่าวว่า ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมเป็นภาษาอังกฤษที่เข้าใจง่ายอีกด้วย

“โรงเรียนใดที่เปิดลงทะเบียนเรียนด้วยวิธีปกติจะปรากฏในเว็บไซต์ของ The Good Schools Guide และทุกโรงเรียนมีโอกาสที่จะเลือกสรรประวัติของตนเอง ด้วยการเพิ่มข้อมูลอย่างเช่น กิจกรรมนอกหลักสูตร หรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยาเขตของพวกเขาที่คุณจะหาไม่ได้จากที่ไหน"

"เครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่เรามีก็คือตัวเลือกเปรียบเทียบโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งเป็นวิธีง่าย ๆ ในการลำดับโรงเรียนต่าง ๆ เทียบกันรายโรงเรียน เพื่อให้คุณสามารถเปรียบเทียบได้อย่างง่ายดาย” คุณไวท์ กล่าว
อาจารย์กำลังสอนในชั้นเรียน
Source: Getty Images/PhotoAlto/Sigrid Olsson

มองให้ไกลกว่าเรื่องผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ

คุณดีเรก แม็คคอร์แม็ค ผู้อำนวยการองค์กร Raising Children Network เสริมว่า ปัจจัยที่ซับซ้อนนอกเหนือจากการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของโรงเรียนต่าง ๆ มีความสำคัญต่อครอบครัว

"ตัวอย่างเช่น หลักสูตรศิลปะที่ทางโรงเรียนมี โรงเรียนมุ่งเป้าไปที่อะไรในเรื่องกีฬา กิจกรรมนอกหลักสูตรอะไรบ้างที่ทางโรงเรียนมี จากนั้นกลับไปที่ค่านิยมและวัฒนธรรม พ่อแม่อาจตระหนักว่าโรงเรียนมีวัฒนธรรมเฉพาะในแง่ของการแสดงออกของนักเรียน รวมถึงสิ่งที่พวกเขาสามารถเชื่อมโยง และดูเหมือนว่าจะเหมาะสมอย่างดีสำหรับบุตรหลานของพวกเขา" คุณแม็คคอร์แม็ค กล่าว
ปัจจัยอื่น ๆ เหล่านั้นก็อาจเข้ามามีบทบาทด้วย ในกรณีอย่างเช่น หากโรงเรียนนั้นมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ต่ำ

จะไปลงทะเบียนเรียนเมื่อไหร่

การหาวันลงทะเบียนเรียนจะทำให้คุณมีเวลาในการตัดสินใจเลือกโรงเรียนมากขึ้น

สำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษาของรัฐบาล ตามปกติจะเริ่มลงทะเบียนเรียนตั้งแต่เดือนเมษายนหรือเดือนพฤษภาคม ในปีสุดท้ายของชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ส่วนโรงเรียนที่ไม่ใช่ของรัฐบาลบ่อยครั้งจะมีคิวรอยาว คุณอาจต้องเริ่มการลงทะเบียนเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยวัน เวลา และกระบวนการแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน

คุณอาลีนแนะนำว่า ให้คุณขอรับข้อมูลจากโรงเรียนโดยตรง

“สำหรับโรงเรียนมัธยมของลูกชาย เราไปที่โรงเรียนในวัน open day และนั่นคือวันที่เราตัดสินใจและหยิบแบบฟอร์มลงทะเบียนเรียนแบบนั้น แต่คุณก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของแต่ละโรงเรียนและกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนเรียนได้จากตรงนั้น” คุณอาลีน กล่าว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share