ชาวออสเตรเลียกลุ่มแรกมีกำหนดจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้แล้ว
ขณะที่รัฐบาลกล่าวว่า จะไม่บังคับให้ประชาชนต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ แต่รัฐบาลของรัฐและมณฑลต่างๆ และธุรกิจเอกชนสามารถมีจุดยืนที่แตกต่างออกไปได้
ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ม.ค.) นางกลาดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะห้ามผู้ปฏิเสธไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ให้สามารถเข้าไปยังสถานที่ของรัฐบาลรัฐได้ และกล่าวว่า ธุรกิจต่างๆ อาจสามารถทำเช่นนั้นได้เช่นกัน
“ยิ่งมีประชาชนฉีดวัคซีนมากเท่าไร ก็มีความเป็นไปได้มากเท่านั้นที่เราจะสามารถกลับไปสู่ความปกติอย่างที่เราเคยมีได้” นางเบเรจิกเลียน กล่าว
แต่รัฐบาลต่างๆ และธุรกิจต่างๆ จะใช้มาตรการใดได้บ้าง เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนฉีดวัคซีนโควิด-19 ?
82-year-old Brian Pinker receives the Oxford University/AstraZeneca COVID-19 vaccine in Britain. Source: AAP
รัฐบาลยังคงสามารถกำหนดให้วัคซีนนี้เป็นวัคซีนภาคบังคับได้หรือไม่?
สามารถทำได้ โดยทางกฎหมายแล้ว ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งรัฐบาลสหพันธรัฐจากการกำหนดให้วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนที่ภาคบังคับที่ประชาชนต้องฉีด
และนี่จะไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เคยเกิดขึ้นในออสเตรเลีย
รัฐบาลได้เคยกำหนดให้มีการฉีดวัคซีนแบบภาคบังคับในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เพื่อปราบปรามโรคไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ซึ่งได้กลายเป็นโรคติดต่อชนิดแรกที่ถูกกำจัดให้หมดไปทั่วโลกในปี ค.ศ.1979
ศ.คาเมรอน สจวร์ต อาจารย์ด้านกฎหมายและจรรยาบรรณเกี่ยวกับสุขภาพ ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่า ในอดีตนั้นความจำเป็นที่จะต้องบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีนหมดสิ้นไป เมื่อประชาชนได้ตระหนักว่าการฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพดีเพียงไร
“คนส่วนใหญ่ได้ตระหนักว่า การฉีดวัคซีนนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพดี ดังนั้น อัตราการฉีดวัคซีนจึงยังคงสูงมาก และไม่มีความจำเป็นทางสังคมที่จะต้องบังคับให้ฉีดวัคซีน” ศ. สจวร์ต กล่าว
“แต่พอมาถึงช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 พวกเราเริ่มเห็นการพังทลายหรือการเสื่อมถอยอย่างรวดเร็วของอัตราการฉีดวัคซีน และจากนั้นเรื่องนี้ก็ถูกนำมาถกเถียงกันอีกครั้ง”
แต่รัฐบาลได้ประกาศไปแล้วในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ว่าจะไม่บังคับให้ประชาชนต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า “พวกเราไม่สามารถกดตัวผู้คนลง แล้วบังคับให้พวกเขาต้องถูกฉีดวัคซีนได้”
จะมีคนมากพอหรือไม่ที่ได้รับการฉีดวัคซีน หากไม่มีการบังคับให้ฉีด?
ขณะที่อาจดูเหมือนว่า รัฐบาลสหพันธรัฐจะไม่บังคับให้ประชาชนต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่รัฐบาลของรัฐและมณฑลต่างๆ และธุรกิจที่มีเอกชนเป็นเจ้าของยังคงสามารถออกกฎที่อาจทำให้การไม่ได้ฉีดวัคซีนก่อให้เกิดความไม่สะดวกสบาย
ขณะนี้ มีข้อกำหนดด้านการฉีดวัคซีนอยู่แล้วสำหรับในบางอาชีพ เช่น ลูกจ้างทำงานด้านสุขภาพบางกลุ่ม ที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี และลูกจ้างทำงานในโรงฆ่าสัตว์ที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้คิว (Q Fever) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการป่วยคล้ายการเป็นไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง
และเมื่อปลายปีที่แล้ว นายอลัน จอยซ์ ผู้บริหารของสายการบินควอนตัส กล่าวว่า ผู้ใดที่ต้องการเดินทางด้วยเครื่องบินระหว่างประเทศกับควอนตัส ในที่สุดแล้วจะจำเป็นต้องแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่า พวกเขาได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว
ศ. สจวร์ต กล่าวว่า ข้อกำหนดต่างๆ ในทำนองนี้อาจเพียงพอที่จะทำให้มั่นใจได้ว่า มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในอัตราสูง โดยไม่จำเป็นต้องบังคับให้ประชาชนต้องไปรับการฉีดวัคซีนนี้
“รัฐต่างๆ อาจไม่ต้องการใช้อำนาจในการบังคับ เพื่อบีบให้ผู้คนต้องไปรับการฉีดวัคซีน และเหตุผลหนึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ธุรกิจเอกชนเสียเองที่อาจกำหนดเงื่อนไขในการรับบริการ ... เช่น ‘เราจะไม่อนุญาตให้คุณใช้บริการรถบัสนี้’ หรือ ‘เราจะไม่อนุญาตให้คุณขึ้นเครื่องบินได้ นอกเสียจากคุณจะมีประวัติการฉีดวัคซีน’”
A vial of the COVID-19 vaccine developed by Oxford University and UK-based drugmaker AstraZeneca. Source: Press Association
“สิ่งที่ควรเกิดขึ้น เช่น อาจเป็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องกำกับดูแลกรณีการไม่ฉีดวัคซีน คือ พวกเขาอาจจำเป็นต้องกำหนดสถานการณ์เฉพาะบางอย่าง ที่ประชาชนอาจสามารถขอรับการยกเว้นให้ไม่ต้องฉีดวัคซีนได้” ศ. สจวร์ต กล่าว
ธุรกิจต่างๆ สามารถปฏิเสธการให้บริการแก่ผู้ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนได้หรือไม่?
ได้ เป็นส่วนใหญ่
รศ.ลุก เบ็ก จากมหาวิทยาลัยโมนาช ที่เชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า 9 ใน 10 ของธุรกิจที่เป็นของเอกชนสามารถปฏิเสธการให้บริการแก่ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“มันเหมือนกับกรณีที่ คลับอาร์แอสแอล บอกว่า ‘คุณไม่สามารถเข้ามาข้างในได้ นอกเสียจากว่าคุณจะสวมเสื้อมีปก’ หรือ ‘คุณไม่สามารถเข้ามาข้างในได้ หากคุณสวมรองเท้าแตะ’ นั่นเป็นเงื่อนไขในการเข้าไปภายในสถานที่สำหรับธุรกิจเอกชน และโดยส่วนใหญ่แล้ว ธุรกิจเอกชนสามารถทำเช่นนั้นได้”
“จุดที่จะซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อยคือ เมื่อผู้คนที่มีอาการทางสุขภาพที่หมายความว่าพวกเขาอาจไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ และรัฐและมณฑลส่วนใหญ่มีกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ที่ห้ามไม่ให้ธุรกิจเอกชนเลือกปฏิบัติต่อผู้คนเพราะเหตุผลเกี่ยวกับโรคประจำตัวบางอย่าง”
แต่เช่นเดียวกับผู้ที่มีอาการทางสุขภาพบางอย่างได้รับยกเว้นให้ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ธุรกิจอาจรับมือกับความท้าทายนี้ด้วยการยกเว้นให้เช่นเดียวกันสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนได้อย่างปลอดภัยได้
AstraZenecas headquarters in Sydney. Source: AAP
รศ.เบ็ก กล่าวว่า สำหรับความท้าทายอีกเรื่องหนึ่ง อาจเป็นการให้เวลาประชาชนอย่างเพียงพอในการไปรับการฉีดวัคซีน ก่อนจะเริ่มใช้ข้อจำกัดในการให้บริการ
“อาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่ทุกคนในหมู่ประชากรจะเข้าถึงวัคซีนได้ ดังนั้น หากดูที่ความเป็นจริงในทางปฏิบัติแล้ว ธุรกิจส่วนใหญ่จะยังคงไม่สามารถบังคับใช้เงื่อนไขเหล่านี้ในการให้บริการต่อไปสักระยะหนึ่ง” รศ.เบ็ก กล่าว
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
'มอร์ริสัน' เผยวัคซีนต้านโควิดมาถึงออสฯ ก.พ.นี้
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ทีมนักวิทย์ฯ WHO ลงพื้นที่อู่ฮั่น หาต้นตอโควิด-19
