ต้องฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นอีกไหมถ้าติดโควิดแล้วหลายครั้ง?

อีกไม่นานคนวัยผู้ใหญ่ในออสเตรเลียทุกคนจะมีสิทธิ์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นอีกเข็ม ขณะผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อในอดีตจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

A man wearing a mask is jabbed in his arm with a needle by a woman

อีกไม่นานคนวัยผู้ใหญ่ในออสเตรเลียทุกคนจะมีสิทธิ์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นอีกเข็ม Source: AAP / Diego Fedele

ประเด็นสำคัญ
  • ขยายโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของออสเตรเลีย โดยคนวัยผู้ใหญ่จะมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนกระตุ้น (บูสเตอร์) อีกเข็มตั้งแต่สัปดาห์หน้า
  • ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ไม่ได้ติดเชื้อหรือไม่ได้ฉีดวัคซีนในช่วง 6 เดือนสามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์) ได้ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์
  • ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้วหลายครั้งไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์ใหม่และเชื้อสายพันธุ์ที่เพิ่งอุบัติขึ้น
คนวัยผู้ใหญ่ทุกคนในออสเตรเลีย ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น หรือติดเชื้อในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจะมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนเพิ่มอีกเข็มตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

สำหรับบางคน นี่จะเป็นวัคซีนเข็มที่ 4 ขณะที่บางคนจะเป็นวัคซีนเข็มที่ 5

รัฐบาลสหพันธรัฐของออสเตรเลียประกาศเรื่องนี้เมื่อวันพุธ ตามคำแนะนำจากกลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคแห่งออสเตรเลีย (Australian Technical Advisory Group on Immunization) หรือ ATAGI

แต่หากเราเคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้วหลายครั้ง เราจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นหรือเปล่า? และเรายังจะต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์) อีกเข็มหรือไม่?

ภูมิคุ้มกัน 'ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป'

แม้ว่าการติดเชื้อและการฟื้นตัวจากโควิด-19 จะสามารถทำให้ร่างกายของเราสร้างแอนติบอดีขึ้นมา ซึ่งส่งผลให้สามารถป้องกันเชื้อโควิดได้ชั่วคราว แต่ภูมิคุ้มกันโรคจากแอนติบอดีไม่ได้คงอยู่ในระยะยาว

นพ.พอล กริฟฟิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและนักจุลชีววิทยาคลินิก กล่าวว่า ยิ่งไปกว่านั้นภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อครั้งก่อน ๆ ไม่น่าจะสามารถต่อต้านเชื้อสายพันธุ์ใหม่ต่าง ๆ ได้

“การปกป้องไม่ให้ติดเชื้อจะลดลงหรือเสื่อมลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งนั่นเกิดขึ้นกับการปกป้องที่มาจากการฉีดวัคซีน เช่นเดียวกับการปกป้องจากการเคยติดเชื้อในอดีต” นพ. กริฟฟิน บอกกับเอสบีเอสนิวส์

"แต่ไวรัสก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ... และนั่นหมายความว่าการปกป้องกันใด ๆ ที่สร้างขึ้นจากการต้านทานเชื้อกลุ่มสายพันธุ์หรือสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้านี้ ให้การปกป้องได้ไม่ดีนักสำหรับการต้านทานเชื้อกลุ่มสายพันธุ์หรือสายพันธุ์ย่อยที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้"
A man in a suit
รัฐมนตรีสาธารณสุขสหพันธรัฐ มาร์ก บัตเลอร์ กล่าวว่า อัตราการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสูงกว่าร้อยละ 70 ในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 65-80 ปี แต่ "ต่ำกว่ามาก" ในกลุ่มคนอายุ 50-64 ปี Source: AAP / DIEGO FEDELE
พญ.มาร์กี แดนชิน กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภูมิคุ้มกันจากสถาบันวิจัยสำหรับเด็ก เมอร์ดอกช์ (Murdoch Children's Research Institute) กล่าวว่าภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากทั้งการติดเชื้อและจากวัคซีนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

“ภูมิคุ้มกันเสื่อมลง ทั้งภูมิคุ้มกันที่มาจากการติดเชื้อและจากการฉีดวัคซีน” พญ.แดนชิน บอกกับเอสบีเอส นิวส์

"การปกป้องที่แข็งแกร่งที่สุดคือถ้าคุณมีภูมิคุ้มกันจากทั้งสองอย่าง แต่แน่นอนว่าถ้าคุณไม่มีภูมิคุ้มกันจากทั้งสองอย่างในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา คุณจะมีความเสี่ยงมากกว่า"

ทำไมเราจึงต้องฉีดวัคซีนอยู่เรื่อย ๆ ?

เมื่อวันพุธ ที่ 8 ก.พ. นาย มาร์ก บัตเลอร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสหพันธรัฐ กล่าวว่า อัตราการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนั้นมีมากกว่าร้อยละ 70 ในกลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 65-80 ปี แต่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มคนอายุ 50-64 ปีนั้น "ต่ำกว่ามาก"

บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่า วัคซีนต่าง ๆ จำนวนมากที่ฉีดให้ประชาชนในช่วงโควิดระบาดใหญ่ก่อนหน้านี้นั้น สร้างขึ้นโดยใช้ชิ้นส่วนของเชื้อสายพันธุ์ต่าง ๆ เช่น เดลตา หรือโอมิครอน

ดร.ลาริซา แล็บซิน นักภูมิคุ้มกันวิทยาของมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ กล่าวว่า ธรรมชาติของเชื้อไวรัสที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลาหมายความว่า สำคัญมากที่จะต้องพัฒนาปรับปรุงวัคซีนอย่างต่อเนื่อง

"วิธีการทำงานของวัคซีนคือเรามีสิ่งที่เรียกว่าความทรงจำของภูมิคุ้มกัน เมื่อเราติดเชื้อบางอย่าง ระบบภูมิคุ้มกันของเราจะไม่ลืมวิธีที่จะต่อสู้กับมัน ... นั่นคือเหตุผลที่โดยปกติแล้ว ถ้าเรารอดชีวิตมาได้จากการติดเชื้อ ในทางทฤษฎีแล้ว เราจะไม่มีวันติดเชื้อแล้วป่วยมากเหมือนกับในครั้งแรก” ดร.แล็บซิน บอกกับ เอสบีเอส นิวส์

“แต่ถ้าเป็นเช่นนี้จริง (สำหรับโควิด-19) ถ้าคุณเคยติดเชื้อแล้วครั้งหนึ่ง คุณก็คงจะมีภูมิคุ้มกัน คุณก็คงจะไม่ติดเชื้อซ้ำหลายครั้ง”
ดร.แล็บซินกล่าวว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ไม่มีภูมิต้านทานเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่อุบัติขึ้น

"นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาแนะนำว่า หากคุณติดเชื้อครั้งล่าสุดหรือฉีดวัคซีนครั้งล่าสุดนานเกิน 6 เดือนที่ผ่านมา คุณควรพิจารณาไปรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น”

"แต่ละครั้งที่ระบบภูมิคุ้มกันของเรามองเห็นไวรัสหรือวัคซีน ร่างกายเราจะสร้างแอนติบอดีได้ดียิ่งขึ้น ... แต่สิ่งเหล่านี้จะเพียงพอที่จะจัดการกับเชื้อสายพันธุ์เอ็กซ์บีบี (XBB) เหล่านี้หรือไม่ ก็ยากที่จะรู้แน่ชัด แต่แน่นอนว่าคุณจะทำให้ตนเองมีโอกาสมากขึ้นในการต้านทานเชื้อ ด้วยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเหล่านี้"

การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะเป็นอย่างไรในอนาคต?

ในออสเตรเลีย ผู้คนสามารถเลือกได้ว่าจะฉีดวัคซีนโควิด -19 หรือไม่ แต่ก่อนหน้านี้ผู้ที่เลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการเดินทางไป การเข้าร่วมกิจกรรม หรือแม้แต่การทำงาน

ข้อจำกัดเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้ยุติลงแล้ว และในอนาคต รองศาสตราจารย์กริฟฟินกล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 อาจกลายเป็นทางเลือกในการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันประจำปี ซึ่งคล้ายกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่

"วัคซีนเหล่านี้ทำงานได้ดีมาก และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเสริมจะเพิ่มการปกป้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก แต่มันไม่ได้ให้การปกป้องไปตลอดชีวิต”

"เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ไวรัสประเภทนี้ยากที่จะได้รับการปกป้องที่คงทนและยาวนาน ... มีแนวโน้มว่าจำเป็นต้องเสริมภูมิคุ้นกันเป็นประจำ ดังนั้นฉันคิดว่าสุดท้ายแล้ววัคซีนเข็มกระตุ้นประจำปีน่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องทำ"
พญ.แดนชิน กล่าวว่ายากที่จะคาดเดาได้ว่าโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนจากการระบาดใหญ่ของโควิดจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด

“เราจำเป็นต้องดูข้อมูลที่มีในมือ ตอบโต้ต่อเชื้อโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ที่แพร่ระบาด เชื้อเหล่านั้นจะมีความรุนแรงเพียงไรและการปกป้องใดที่พวกเราจำเป็นต้องมี … เราไม่รู้แน่ชัด”

"แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือ หากคุณไม่ได้ติดเชื้อโควิดหรือไม่ได้ฉีดวัคซีนนานเกิน 6 เดือนแล้ว คุณจำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์)"


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 



บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share
Published 13 February 2023 1:16pm
Updated 13 February 2023 1:20pm
By Jessica Bahr
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS


Share this with family and friends