คลื่นโควิดระลอก 2 ในเกาหลีใต้และเยอรมนีเป็นคำเตือนให้ออสฯ

ผู้เชี่ยวชาญต่างเตือนว่า การต่อสู้กับเชื้อโควิด-19 ของออสเตรเลียยังห่างไกลจากการสิ้นสุด

Commuters change trains in the morning rush hour at a subway station in Seoul, South Korea on Monday.

Commuters change trains in the morning rush hour at a subway station in Seoul, South Korea on Monday. Source: AAP

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพต่างเตือนว่า การระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศเยอรมนีและเกาหลีใต้ควรเป็นตัวอย่างให้ออสเตรเลียต้องระวัง

ทั้งสองประเทศดังกล่าวได้ประสบความสำเร็จในการชะลอเส้นกราฟจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดจากเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว แต่กลับเห็นการติดเชื้อรายใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

เหตุการณ์ในเกาหลีใต้และเยอรมนีเกิดขึ้น ขณะที่ออสเตรเลียเองกำลังเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดของตน และก้าวเข้าสู่ “ชีวิตวิถีใหม่” (new normal) ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

“ไวรัสนี้นั้นไม่แตกต่างไปในออสเตรเลีย เกาหลีใต้ หรือเยอรมนี ดังนั้น หากประชาชนผ่อนคลายมาตรการจำกัดเร็วเกินไป และมากเกินไป และยังเชื่อว่าช่วงเลวร้ายที่สุดผ่านไปแล้ว ก็จะเลี่ยงไม่ได้เลยที่เราจะเห็นการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น” นายบิล บาวเทลล์ ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์นโยบายสุขภาพ ของมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ บอกกับ เอสบีเอส นิวส์

การมีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นอีกครั้ง

ในวันจันทร์ (11 พ.ค.) สถาบันโรเบิร์ต โคช์ (Robert Koch) กล่าวว่าอัตราความสามารถในการแพร่เชื้อไปติดคนอื่น (reproduction rate) ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.1 หมายความว่า ผู้ที่มีเชื้อโควิด-19 จำนวน 10 คน โดยเฉลี่ยแล้วสามารถนำเชื้อไปติดคนอื่นได้ 11 คน

ทั้งๆ ที่เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว อัตราความสามารถในการแพร่เชื้อไปติดคนอื่น (reproduction rate) ของเยอรมนีอยู่ที่ 0.65

ขณะนี้ อัตราความสามารถในการแพร่เชื้อโควิด-19 ไปติดคนอื่น ในออสเตรเลียอยู่ที่อัตรามากกว่า 1 เพียงเล็กน้อย

“มันเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนมากถึงความสำเร็จที่เกี่ยวเนื่องกัน หรือความล้มเหลวที่เกี่ยวเนื่องกัน” ศ.บาวเทลล์ กล่าว
Citizens enjoy picnics at Yeouido Hangang Park in Seoul, South Korea.
Citizens enjoy picnics at Yeouido Hangang Park in Seoul, South Korea. Source: AAP
เช่นเดียวกันในวันจันทร์ (11 พ.ค.) เกาหลีใต้ได้ประกาศการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่เป็นจำนวนสูงที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยมีสาเหตุจากการติดเชื้อที่ปะทุขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีแห่งหนึ่งในกรุงโซล

ในทั้งสองประเทศนี้ มีรายงานว่าประชาชนไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรการสร้างระยะห่างทางสังคมเพื่อระวังการติดเชื้อ หลังจากมีการผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่า กำลังเกิดขึ้นในออสเตรเลีย

“เราได้เห็นในข่าว และภาพของประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามการสร้างระยะห่างทางสังคม” รศ. สันจายา เซนานายาเค ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ จากมหาวิทยาลัย ออสเตรเลียน เนชันแนล ยูนิเวอร์ซิตี กล่าว

“ส่วนหนึ่งมาจากเมื่อคุณอยู่ในความรู้สึกว่าถูกล้อมกรอบมานานมาก และทันใดนั้นคุณได้รับเสรีภาพนี้ หลังสร้างผลงานมาอย่างดี ก็มีแนวโน้มว่าคุณจะทำในสิ่งตรงข้ามอย่างสุดโต่ง”
A crowded Sydney street this month.
متقاضیان شهروندی آسترالیا اکنون باید بیشتر از پیش انتطار بکشند. Source: AAP
“แต่เราจำเป็นต้องตระหนักว่า ไวรัสนี้ไม่ได้หายไปไหน เรายังไม่สามารถจำกัดมันให้หมดไปได้ เราเพียงแค่ระงับมันไว้”

“มันยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา และมันอาจปะทุขึ้นมาอีกได้”

“เบรคฉุกเฉิน”

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ประกาศแผนแม่บท 3 ขั้นเพื่อนำออสเตรเลียไปสู่ภาวะที่ปลอดภัยจากโควิด-19 ซึ่งได้รับการขานรับจากรัฐและมณฑลต่างๆ ที่ได้เผยแผนของตนในการผ่อนคลายข้อจำกัดจากเชื้อโควิด-19

แต่ รศ. สันจายา เซนานายาเค กล่าวว่า มีบางอย่างที่ขาดหายไป

“นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราจะคาดการณ์ได้ว่าจะมีการติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น และเราจะต้องจัดการให้ผ่านพ้นไป... แต่ยังคงจำเป็นต้องมีจุดที่เราควรจะเหยียบเบรค (สำหรับการผ่อนคลายข้อจำกัด)”
Scott Morrison speaks during a press conference following a national cabinet meeting.
Scott Morrison speaks during a press conference following a national cabinet meeting. Source: Getty
เขายกตัวอย่างเยอรมนี ซึ่งมาตรการจำกัดทางสังคมจะถูกนำกลับมาบังคับอีกครั้ง หากมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 50 คนต่อประชากร 100,000 คนภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์

สิ่งที่เยอรมนีเรียกว่า ‘เบรคฉุกเฉิน’ ได้ถูกนำมาใช้แล้วในพื้นที่อย่างน้อย 3 แห่ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

“เราจำเป็นต้องมีสิ่งนั้นเตรียมไว้ (ในออสเตรเลีย) เพื่อที่ทรัพยากรของเราจะพร้อมรับมือกับการติดเชื้อได้ และยังทำให้สาธารณะได้ตระหนักว่า นี่ไม่ใช่การปล่อยให้ทุกคนกระทำการใดก็ได้โดยอิสระ” รศ. เซนานายาเค กล่าว

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายมอร์ริสัน มั่นใจว่าออสเตรเลียจะไม่ก้าวถอยหลัง

“เหมือนนกอีมู และจิงโจ้ พวกมันก้าวไปข้างหน้า ไม่ก้าวถอยหลัง แผนนี้จะต้องเป็นไปเช่นนั้น มุขมนตรีและหัวหน้ารัฐมนตรีของรัฐต่างๆ กระตือรือร้นที่จะพยายามทำให้แน่ใจได้ว่าคุณจะยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า” นายกรัฐมนตรีบอกกับผู้สื่อข่าว

เมื่อถูกถามอย่างเจาะจงว่า รัฐและมณฑลต่างๆ จำเป็นต้อง “ประคับประคองต่อไปถึงแม้จะหวาดหวั่น” หรือไม่เมื่อพวกเขาเริ่มดำเนินการตามแผนแล้ว และไม่สามารถ “หวนกลับไปออกข้อจำกัดที่เข้มงวดขึ้นอีกได้” ซึ่งนายมอร์ริสัน กล่าวว่า “ใช่”
แผนแม่บทสู่การผ่อนคลายข้อจำกัดจากเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลออสเตรเลีย
แผนแม่บทสู่การผ่อนคลายข้อจำกัดจากเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลออสเตรเลีย Source: Australian government/ SBS
แต่รัฐบาลสหพันธรัฐได้ย้ำว่า รัฐและมณฑลต่างๆ ไม่ควรก้าวเข้าสู่ขั้นต่างๆ ตามแผนแม่บท หากยังไม่ปลอดภัยเพียงพอที่จะทำเช่นนั้นได้

เอสบีเอส นิวส์ ได้ติดต่อ นายเกรก ฮันต์ รัฐมนตรีด้านสุขภาพของสหพันธรัฐ และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบถามว่าออสเตรเลียมีมาตรการที่เป็น “เบรคฉุกเฉิน” ในระดับชาติโดยเฉพาะหรือไม่

โฆษกของกระทรวง ชี้ถึงการให้สัมภาษณ์ของรองประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ของออสเตรเลีย คือ นายแพทย์พอล เคลลี ที่กล่าวเมื่อวันเสาร์ ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างกำลังเฝ้าจับตาดูอัตราความสามารถในการแพร่เชื้อไปติดคนอื่น (reproduction rate) ของออสเตรเลียอย่างใกล้ชิด

“หากเราเริ่มเห็นการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กระจัดกระจายกันไป นั่นจะเป็นสิ่งที่น่าวิตก มากกว่าการติดเชื้อที่ปะทุขึ้นที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ อย่างที่เรากำลังเห็นในพื้นที่ตะวันตกของเมลเบิร์นขณะนี้” นพ.เคลลี กล่าว

การเปลี่ยนแปลงระยะยาว

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาระลอก 2 ทั่วโลกได้ก่อให้เกิดความวิตกว่า ออสเตรเลียจะปรับตัวให้เข้ากับ “ชีวิตวิถีใหม่” (new normal) ในหลายเดือนข้างหน้าได้อย่างไร

ดร. ฮอลลี ซีล นักวิทยาศาสตร์ด้านสังคม ของคณะสาธารณสุขและเวชศาสตร์ชุมชน กล่าวว่า โดยเฉพาะธุรกิจต่างๆ นั้นมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 2
An empty train in Sydney.
An empty train in Sydney. Source: AAP
“การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้คน การเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของผู้คนนั้นไม่ง่าย ... หากเราต้องการสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางสังคมสำหรับการปฏิบัติที่ดีในเรื่องสุขอนามัยและการรักษาระยะห่างทางกายภาพ เราก็จำเป็นต้องทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับผู้คน” ดร. ซีล กล่าว

“ที่ทำงานจำเป็นต้องจัดรูปแบบ และหาวิธีที่จะสนับสนุนให้ลูกจ้างแต่ละคนกลับไปทำงานได้”

“หากเราต้องการเห็นผู้คนยังคงฆ่าเชื้อโรคที่มือของตนต่อไป เมื่อพวกเขากลับไปทำงาน เราก็จำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่ามีขวดบรรจุเจลล้างมือวางไว้ให้ในพื้นที่ที่ใช้ร่วมกัน”

“หากสำนักงานไม่ได้จัดพื้นที่ที่จะให้รักษาระยะห่างทางกายภาพได้ บริษัทก็จำเป็นต้องลงทุนคิดหาทางเปลี่ยนแปลงรูปแบบของพื้นที่ทำงานเสียใหม่ เพื่อให้มันง่ายขึ้น”

ดร. ซีล กล่าวต่อไปว่า ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องวางแผนว่าลูกจ้างคนใดบ้างควรกลับไปทำงานจากที่ทำงาน และเพราะเหตุใด

“เราไม่สามารถจะรีบร้อนได้ จากที่ไม่มีใครเลยทำงานในเมือง กลายเป็นว่าทันทีทันใดทุกคนก็กลับมาทำงานในเมืองกันหมด เนื่องจากนั่นอาจเป็นช่วงที่เราจะเห็นการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง” ดร. ซีล อธิบาย

“เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาจากเรื่องนี้เมื่อเริ่มดำเนินการไปแล้ว ... จะมีช่วงเวลาที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้นในการก้าวไป ข้างหน้า แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเห็นการติดเชื้อเป็นศูนย์ในทันที”

ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร ให้ตรวจสอบข้อจำกัดในรัฐของคุณเกี่ยวกับการรวมกลุ่มกัน

การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 



Share
Published 12 May 2020 12:54pm
Updated 12 August 2022 3:20pm
By Nick Baker, Catalina Florez
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News


Share this with family and friends