เหตุใดอาสนวิหารน็อทร์-ดาม จึงสำคัญยิ่ง

NEWS: อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีสัญลักษณ์ของเมืองหลวงฝรั่งเศสแห่งอื่นใดที่จะเสมอเหมือนอาสนวิหารน็อทร์-ดาม

You can read the full version of this story in English on SBS News .

เหตุใดอาสนวิหารน็อทร์-ดาม จึงสำคัญยิ่ง

อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีสัญลักษณ์ของเมืองหลวงฝรั่งเศสแห่งอื่นใดที่จะเสมอเหมือนอาสนวิหารน็อทร์-ดาม

อาสนวิหารแห่งดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีสมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และเป็นที่เก็บรักษางานศิลปะต่างๆ อันหาค่ามิได้
ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีผู้คนไปเยี่ยมเยือนเป็นจำนวน 13 ล้านคนในแต่ละปี และก็เป็นสถานที่มรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO, องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) อีกด้วย

อาสนวิหารสมัยยุคกลางแห่งดังกล่าวนั้นใช้เวลามากกว่าหนึ่งศตวรรษในการก่อสร้าง โดยเริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 1160 ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่เจ็ด จนสร้างเสร็จลงในปี 1345 และถูกมองว่าเป็นสถาปัตยกรรมโกธิกแบบฝรั่งเศส (French Gothic architecture) ที่วิจิตรบรรจงที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส
Historical photo of Notre Dame
Historical photo of Notre Dame Source: The New York Times
อาคารดังกล่าวนั้นขึ้นชื่อจากโครงใต้หลังคา (ribbed vault) เสาค้ำจุนด้านข้างแบบลอยตัว (flying buttresses) และงานกระจกหน้าต่างสี

นอกจากนั้นยังมีรูปแกะสลักจากหินเป็นตัวสัตว์ประหลาดการ์กอยล์เป็นจำนวนมาก
Image of Notre-Dame in 2017
น็อทร์-ดาม ในปี ค.ศ. 2017 (Image source: AP) Source: AP
พระเจ้าเฮนรีที่หกของประเทศอังกฤษ ได้สวมมงกุฎในพิธีบรมราชาพิเษกภายในอาสนวิหารแห่งนี้ และนโปเลียน โบนาปาร์ตก็สวมมงกุฎเป็นจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสภายในอาสนวิหารดังกล่าวเช่นเดียวกันเมื่อปี 1804

ในปี 1909 ฌาน ดาร์ก (Jeanne d’Arc หรือที่บางท่านอาจรู้จักในชื่อโจน ออฟ อาร์ค) ผู้ร่วมมือกับพลเมืองของเธอต่อสู้กับอังกฤษและถูกเผาทั้งเป็นหลายศตวรรษก่อนหน้า ก็ได้รับการยกย่องเป็นนักบุญ ณ อาสนวิหารแห่งดังกล่าวโดยพระสันตปาปาปิอุสที่สิบ

ชื่อของอาสนวิหารแห่งนี้ในภาษาฝรั่งเศสนั้นมีความหมายว่า ‘แม่พระของพวกเรา (our lady)’ และก็เป็นบัลลังก์ของอัครมุขนายกแห่งกรุงปารีส

เมื่ออาคารดังกล่าวนั้นถูกเผาผลาญด้วยเปลวเพลิง หลายๆ คนก็หวั่นใจว่าจะมีอะไรเหลือหลังจากที่ไฟดับลงแล้ว
Smoke and flames rise during a fire at the landmark Notre-Dame Cathedral in central Paris
Smoke and flames rise during a fire at the landmark Notre-Dame Cathedral in central Paris Source: AAP
Notre-Dame Cathedral burning
Notre Dame Cathedral burning Source: AAP
แต่ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่น็อทร์-ดามได้ประสบกับความเสียหาย เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของนิกายโรมันคาทอลิกเป็นเวลาหลายศตวรรษ อาสนวิหารดังกล่าวจึงตกเป็นเป้าของการลุกฮือทางการเมือง

ประวัติความเสียหาย:

น็อทร์-ดาม รอดพ้นมาได้หลังจากที่ถูกเข้าปล้นสะดมภ์โดยกลุ่มฮิวเกอโนต์ (Huguenots) ของนิกายโปรเตสแตนต์ในศตวรรษที่ 16

ครั้งล่าสุดที่ประสบความเสียหายอย่างใหญ่หลวงนั้นอยู่ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อปี 1790 โดยหลังจากนั้นน็อทร์-ดามก็ตกอยู่ในสภาพกึ่งถูกทอดทิ้ง

นวนิยาย “น็อทร์-ดาม เดอ ปารี” (“Notre-Dame de Paris”) ของวิกเตอร์ ฮิวโก ซึ่งตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษว่าไอ้ค่อมแห่งน็อทร์-ดาม (“The Hunchback of Notre Dame”) เมื่อปี 1831 นั้น ได้เผยถึงสภาพอันทรุดโทรมของอาคารให้ผู้อ่านได้ทราบ

หนังสือเล่มดังกล่าวก่อให้เกิดความสนใจครั้งใหม่ขึ้นกับอาสนวิหาร และมีการทำนุบำรุงครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นในปี 1844 ซึ่งในครั้งนั้นเองที่เหล่าสถาปนิกได้ทำการบูรณะยอดอาคาร (spire) และเสาค้ำจุนด้านข้างแบบลอยตัว (flying buttresses)

อาคารดังกล่าวยังรอดพ้นสงครามโลกทั้งสองครั้ง โดยทั่วๆ ไปแล้วไม่ได้รับความเสียหาย

ผลกระทบของไฟไหม้

ช่วงขนาดใหญ่ของหลังคาที่มีความยาว 100 เมตรถูกเผาทำลายโดยเปลวเพลิงภายในหนึ่งชั่วโมงแรก โดยวัสดุนั้นทำจากไม้และนับเป็นโครงสร้างในลักษณะดังกล่าวที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงปารีส หากอ้างอิงจากเว็บไซต์ของน็อทร์-ดาม

แต่โครงสร้างหลักของอาสนสวิหารนั้นปลอดภัย
Inside the burning Notre Dame cathedral
Inside the burning Notre Dame Cathedral Source: RTV
อาสนวิหารแห่งดังกล่าววนั้นมีหน้าต่างกุหลาบ (rose windows) สามบาน ซึ่งมีอายุตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งองค์ประกอบที่มีชื่อเสียงมากที่สุด

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีหน้าต่างกุหลาบรอดพ้นจากไฟไหม้หรือไม่
The stained glass on the northern side of the Notre Dame cathedral in Paris.
งานกระจกสีด้านทิศเหนือของอาสนวิหารน็อทร์-ดามในกรุงปารีส (Image source: CNN) Source: CNN
น็อทร์-ดามมีหอคอยสูงสองข้าง ทั้งคู่มีความสูง 68 เมตร และหากขึ้นบันไดจำนวน 387 ขั้น ก็จะได้พบกับทัศนียภาพที่งดงามของนครหลวงของฝรั่งเศส ซึ่งหอคอยทั้งคู่นั้นก็รอดพ้นจากเพลิงไหม้ หากอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศส

ผู้เยี่ยมเยือนคนใดก็ตามที่ขึ้นบันไดไปก็จะต้องเดินผ่านกับสิ่งโดดเด่นซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี นั่นก็คือรูปสัตว์ประหลาดการ์กอยล์
A group of gargoyles. Date: 1894
A group of gargoyles.Date: 1894 Source: Mary Evans Picture Library
รูปของสัตว์ในนิยายต่างๆ นั้นเป็นสัตว์มากกว่าหนึ่งชนิดมาประกอบกัน โดยตัวซึ่งเป็นที่รู้จักดีที่สุดถูกเรียกว่า “สไตรจ์” (“Stryge”) อยู่ที่ด้านบนสุดของอาคารและมองลงมายังเมืองแห่งความรักโดยมีมือทั้งสองข้างเท้าคางอยู่

อาสนวิหารแห่งดังกล่าวยังมีระฆัง 10 ใบ โดยใบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเรียกกันว่าเอมมานูเอล (Emmanuel) ซึ่งถูกติดตั้งที่หอคอยฝั่งใต้เมื่อปี 1685 และมีน้ำหนักกว่า 23 ตัน

โบราณวัตถุและภาพเขียน

งานศิลปะอันหาค่ามิได้ที่เก็บสะสมไว้ภายในอาสนวิหารนั้นถูกกู้ออกมาได้บางส่วน

น็อทร์-ดามเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุซึ่งสร้างขึ้นจากความศรัทธาในพระเยซูที่มีชื่อเรียกว่า “แพสชันออฟไครสต์” (Passion of Christ) อันเป็นชิ้นส่วนของไม้กางเขน ตะปูหนึ่งดอก และมงกุฎหนามศักดิ์สิทธิ์
The Crown of Thorns is a relic of the passion of Christ.
มงกุฎหนามศักดิ์สิทธิ์ (Holy Crown of Thorns) (Image source: CNN) Source: CNN
หากอ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ มงกุฎดังกล่าวได้รับการเก็บกู้ออกมาได้จากเหตุการณ์ไฟไหม้

พระฝ่ายบริหารระดับสูงของน็อทร์-ดาม มงซิเออร์พาตริก โชเวต์ กล่าวว่าเสื้อยาวตูนิก (tunic) ซึ่งสวมใส่โดยนักบุญหลุยส์ กษัตริย์ฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 13 นั้นก็ได้รับการเก็บกู้ออกมาเช่นเดียวกัน
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 



Share
Published 17 April 2019 10:10am
Updated 18 April 2019 11:21am


Share this with family and friends