บ้านหรือออฟฟิศ ที่ไหนทำงานได้ดีกว่า?

Computer on the desk

คอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน Source: Karina Zhukovskaya/Pexels

ในขณะที่หลายคนเตรียมตัวกลับไปทำงานในออฟฟิศ ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมคควอรี (Macquarie University) เผยที่ไหนทำงานได้ประสิทธิผลดีที่สุด และที่ไหนแย่ที่สุด


ตั้งแต่ไวรัสโคโรนาระบาด หลายคนทั่วโลกเปลี่ยนจากการทำงานในที่ทำงานมาทำงานที่บ้าน นายแอชลีย์ อัลค็อก ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจอะเด็กโคที่กรุงเทพฯ ก็เป็นหนึ่งในนั้น

“ได้ใช้เวลากับลูกๆ ของผมมากขึ้นเป็นช่วงที่ดีมาก ผมสามารถยืดหยุ่นเวลาทำงานได้ ผมไม่ได้ทำงานในช่วงเวลาของงานประจำ 9-5 โมง ผมทำงานนอกเหนือเวลางานเมื่อผมอยู่บ้าน”

แต่หลังจากสังเกตเห็นประสิทธิผลของการทำงานที่พุ่งสูงขึ้นในปี 2020 มากกว่าปี 2018 หรือ 2019 คุณอัลค็อกเริ่มคิดว่า
ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ การทำงานที่บ้านนั้นทำให้การทำงานกระเตื้องขึ้น หรืออาจมีบางอย่างซ่อนอยู่ ผมเลยเฝ้าสังเกตการณ์ปี 2020 และผมพบว่ามันเริ่มลดลงและเริ่มไม่มีประสิทธิผลเหมือนเคย
คุณอัลค็อกกล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่เริ่มบังคับใช้เพื่อป้องกันการแพร่ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในปีนี้ ทำให้เขามีโอกาสในการสังเกตว่าการทำงานจากที่บ้านหรือที่ทำงานจะมีประสิทธิผลที่สุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาปริญญาโทสาขาธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแมคควอรี (Macquarie University)

นายมาโรช เซอวัทคา (Maroš Servátka) ศาสตราจารย์สาขาเศรษฐศาสตร์ จากภาควิชาธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแมคควอรี กล่าวว่า การวิจัยทดสอบโดยการแบ่งกลุ่มผู้ที่ทำงานด้านการขายเป็น 6 กลุ่ม โดยไม่ให้พวกเขาทราบถึงการทดสอบที่จริง ว่าพวกเขาจะเลือกการทำงานจากที่บ้าน หรือที่ออฟฟิศ หรือถูกบังคับให้เลือก

“ถ้าคุณรู้ว่าคุณจะถูกสังเกตการณ์ คุณอาจจะพยายามมากเกินไป หรือลดความต้องการให้น้อยลง ถึงแม้ว่านั่นอาจเป็นแนวโน้มตามธรรมชาติของคุณ การทำการวิจัยโดยไม่บอกให้ทราบนี้ช่วยให้เราสังเกตผู้คนได้ในหลายแบบ โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วพวกเขากำลังถูกสังเกตการณ์อยู่ ดังนั้นเราสามารถแบ่งคนตามกลุ่มหรือคละกลุ่ม เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดว่า การทำงานแบบไหนมีประสิทธิผลมากกว่ากัน”
Team working in office
การทำงานร่วมกับผู้ร่วมงานในออฟฟิศ Source: Getty Images
ผลการวิจัยพบว่าโดยรวมพนักงานทำงานได้ประสิทธิผลมากที่สุดเมื่อทำงานในที่ทำงาน และผู้ที่เลือกทำงานจากที่ทำงาน ทำงานได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ รวมกัน

ในขณะที่ กลุ่มที่เลือกทำงานที่บ้านทำงานได้ประสิทธิผลมากกว่ากลุ่มที่ไม่ทางเลือกเรื่องสถานที่ทำงาน และกลุ่มผู้ปกครองที่ต้องทำงานสามารถทำงานได้ประสิทธิผลมากที่สุด โดยเฉพาะแม่ๆ หลายคน
พนักงานที่เลือกทำงานที่บ้าน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีอายุ มีชั่วโมงทำงานเพิ่มขึ้นจากชั่วโมงทำงานประจำ 1.8 ถึงสองชั่วโมงต่อวัน ในกรณีที่ทำงานในออฟฟิศ คุณเข้าทำงานเก้าโมงถึงห้าโมง ปิดคอม กลับบ้าน ในขณะที่กลุ่มที่ทำงานจากบ้านจะเข้าระบบหลังทานอาหารเย็น เราเห็นชั่วโมงทำงานยาวไปถึงห้าทุ่ม เที่ยงคืน หลายคนล็อกอินเข้าระบบและทำงานเวลานั้น
ในทางกลับกัน ผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาหมาดๆ และเข้าอบรมการทำงานจากบ้านมีประสิทธิผลการทำงานแย่ที่สุดจากทุกกลุ่ม

นายอัลค็อกกล่าวว่า แม้กลุ่มคนที่รับการอบรมในที่ทำงานและที่บ้านเสร็จสิ้นการอบรมแบบออนไลน์เหมือนกันทุกประการ พนักงานที่ทำงานในออฟฟิศมีประสิทธิผลการทำงานมากกว่าพนักงานที่ทำงานที่บ้าน 50 เปอร์เซ็นต์

“ในตอนแรก ทั้งสองกลุ่มเริ่มทำงานแบบมีประสิทธิผลคล้ายกัน ตามดัชนีวัดผลงาน (KPI – Key Performance Indicator) แต่เราเห็นว่าพอสอง สาม สี่ หก แปด เก้าเดือนผ่านไป ประสิทธิผลลดลงอย่างเห็นได้ชัด”

นายอัลค็อกยังคงวิเคราะห์ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่กล่าวว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพนักงานในออฟฟิศได้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานอาวุโส และสังเกตว่าพวกเขาทำงานอย่างไร
ผมคิดว่า ความจริงคือพวกเขาได้เรียนรู้ประสบการณ์เพิ่มเติมในที่ทำงาน พวกเขาสามารถสื่อสารกันได้ดีกว่า เวลาที่คุณใช้ซูม (Zoom) มันยากที่จะสร้างกิจกรรมของทีมร่วมกัน ที่ทุกคนสามารถพูดได้ในเวลาเดียวกัน
รายงานจากคณะกรรมาธิการเพื่อประสิทธิผลในการทำงาน ที่ถูกเผยแพร่ในเดือนกันยายน 2021 ระบุว่าประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ของคนออสเตรเลียทำงานจากที่บ้าน ตั้งแต่ก่อนไวรัสระบาด
Working from home with a child
การทำงานจากที่บ้านและได้ใช้เวลากับลูก Source: Getty Images
ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นถึงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ หลังหลายๆ รัฐใช้กฎการให้อยู่บ้าน (Stay-at-home orders) และคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดียวกัน แม้จะมีการคลายกฎเรื่อยๆ

ศาสตราจารย์เซอวัทคาคาดว่า จะเห็นหลายบริษัทปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในอนาคตอันใกล้ และหวังว่าจะมีการทดลองโมเดลใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คนทำงานเลือกทำงานแบบยืดหยุ่นมากขึ้น
การอนุญาตให้พนักงานทำงานจากบ้าน หากพวกเขาสามารถทำงานได้ประสิทธิผลเท่ากัน ส่งสัญญาณถึงความเชื่อใจ และความเชื่อใจเป็นปัจจัยหลักของประสิทธิผลการทำงานและการมีความสัมพันธ์อันดีในการทำงาน และตอนนี้บริษัทต่างๆ มีโอกาสที่จะสามารถควบคุมสิ่งนี้ได้จริง
แต่นายอัลค็อกเตือน ก่อนที่หลายบริษัทจะเปลี่ยนวิธีการทำงานอย่างถาวร สิ่งสำคัญคือควรประเมินว่าวิธีนั้นจะมีประสิทธิภาพในระยะยาวหรือไม่

“การจะเปลี่ยนกลับไปอีกมันจะเป็นการยาก เมื่อไหร่ที่คุณตัดการทำงานในออฟฟิศออกไป ลดค่าใช้จ่ายในการทำงาน การจะหวนกลับมาใหม่หลังจากนั้น จะมีค่าใช้จ่ายหลายล้าน”


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share