CHOICE จี้ผู้บริโภคควรมีทางเลือกซื้อสินค้ามากกว่า 2 ซูเปอร์ยักษ์ใหญ่

COST OF LIVING STOCK

จากการตรวจสอบพบว่าซูเปอร์มาร์เก็ต 2 เจ้าใหญ่ ขายของเกินราคาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตค่าครองชีพ Source: AAP / LUKAS COCH/AAPIMAGE

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

รายงานล่าสุดจากองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย หรือ CHOICE ระบุว่าคุณมีทางเลือกอื่นในการจับจ่ายของอุปโภคบริโภคได้ถูกกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน


รายงานล่าสุดของ Choice ชี้ว่า ผลทดสอบจากการการซื้อของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน 14 รายการ จากซูปเปอร์มาเก็ตต่างๆ พบว่า เมื่อไป อัลดี (Aldi) คุณจ่ายของเหล่านี้ในราคา 51.51 ดอลลาร์ ในขณะที่หากไปซื้อที่ Woolworths คุณต้องจ่ายของประเภทเดียวกันในราคาแพงกว่าถึง ร้อยละ 25 หรือ คิดเป็น 68 ดอลลาร์ ในขณะที่โคลส์ที่มีจ่ายแพงที่สุด คือ 69.33 ดอลลาร์

การตรวจสอบที่ว่านี้เรียกว่า การซื้อของแบบโอลิมปิก ซึ่งมีการทดสอบโดยมอบหมายภารกิจให้ ผู้บริโภคที่ร่วมโครงการไปชอปปิงที่ยังซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 80 แห่งทั่วประเทศแบบไม่เปิดเผยตัวและผู้บริโภคเหล่านี้ต้องซื้อสินค้าที่จำเป็นในครัวเรือนประเภทเดียวกัน 14 รายการ จากซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ

ผู้อำนวยการกองบรรณาธิการ Choice มาร์ก เซอร์เรลส์ ชี้้ว่า

"ของทั้งหมดในรายการที่เราซื้อ เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันที่ผู้คนต้องใช้ ดังนั้นต้องมีการแทรกแซงการผูกขาดของ Woolies และ Coles มากขึ้น เพื่อปรับราคาข้าวของให้ถูกลง"

 ผลการศึกษานี้ถือเป็นรายงานรายไตรมาสที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลฉบับแรก ซึ่งจะเผยแพร่ในอีก 3 ปีข้างหน้า


ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าเสรี แอนดรู ลี อธิบายว่า

"ภาคส่วนการค้าปลีกของออสเตรเลียมีความกระจุกตัวมากที่สุดในโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญสำหรับผู้ค้ารายใหญ่แค่ 2 ราย ดังนั้นเราควรตรวจสอบราคาของซูเปอร์ที่ขายของให้กับผู้บริโภคชาวออสเตรเลีย"

การตรวจสอบนี้ ถูกจับตาจากสาธารณะ หลังจากที่วุฒิสมาชิกพรรคกรีนส์ นิค แมคคิม เป็นประธานในการสอบสวน และพบว่าซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ขายของแบบโก่งราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตค่าครองชีพ วุฒิสมาชิก แมคคิม ชี้ว่า

ถ้าเรามีตัวเลือกเพียงแค่ Coles กับ Woolworths มันก็เหมือนเราไม่ทางเลือกอื่น มันก็เหมือนเป็นเครือซูเปอร์มาร์เก็ตเดียวกันที่ผูกขาดตลาดไว้คนเดียว
ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าเสรี แอนดรู ลี

การมีซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Aldi เข้ามาเป็นการช่วยส่งเสริมการแข่งขันในตลาด แต่ซูเปอร๋มาร์เก็ตดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมในหลายพื้นที่ใน ก็ไม่ได้มีในทุกรัฐ

อย่างเช่น รัฐแทสเมเนียและนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ซึ่งหมายความว่านักช้อปในรัฐดังกล่าว ต้องจ่ายเงินโดยเฉลี่ยมากกว่า 68 ดอลลาร์สำหรับของอุปโภค บริโภคที่จำเป็น

ซึ่งเปรียบเทียบผู้บริโภคในรัฐอื่นๆ ที่จ่ายสินค่าประเภทเดียวกันโดยเฉลี่ย ระหว่าง 62 ถึง 64 ดอลลาร์

คุณ มาร์ก เซอร์เรลส์ จาก Choice อธิบายว่า

"ในรัฐดังกล่าวสินค้าจาก Coles และ Woolies ยังมีราคาแพงกว่าเล็กน้อยเนื่องจากไม่มี Aldi ที่เป็นส่วนแบ่งตลาด คำว่าโก่งราคา ก็อาจจะแรงไปแต่ผมคิดว่าผู้บริโภคชาวออสเตรเลียกำลังถูกเอาเปรียบเพราะเราเห็นการผูกขาดตลาด"

มีคำแนะนำว่า ผู้บริโภคควรสำรวจราคาสินค้าออนไลน์ก่อนที่จะไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้พวกเขาสามารถเปรียบเทียบราคา ว่าไปซื้อของที่ไหนจะถูกที่สุด

ด้าน Woolworths กล่าวว่าลูกค้าของพวกเขามีทางเลือกหลากหลายในการซื้อสินค้า และมีบริการจัดส่งถึงบ้านหรือ สั่งทางออนไลน์และมารับสินค้าที่ซุเปอร์ได้เลย

ด้าน Coles เสริมว่ายังไม่ชัดเจนว่า ในการสำรวจดังกล่าว มีการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันในการสำรวจหรือไม่



คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 



บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่  



 

 


Share