ชุมชนพหุวัฒนธรรมได้อะไรจากงบประมาณปี 2023 บ้าง?

Australian money

ธนบัตรออนเตรเลีย Source: Getty

นอกจากมุมมองว่าใครได้ ใครเสีย จากแถลงงบประมาณของรัฐบาลปี 2023แล้ว มาดูว่าชุมชนพหุวัฒนธรรมได้หรือเสียอย่างไรบ้าง


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

เราทราบดีว่าประชาชนออสเตรเลียกำลังถูกกดดันจากหลายด้านอยู่ในขณะนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงจัดทำงบประมาณที่เน้นเพื่อช่วยเหลือเป็นอันดับแรก
"งบประมาณ 14.6 พันล้านดอลลาร์จะช่วยเรื่องค่าไฟฟ้า ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขอนามัย ช่วยเหลือคนออสเตรเลียที่เปราะบาง สร้างบ้านพักอาศัยที่ราคาไม่แพง และอัดฉีดค่าจ้าง”

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งรัฐบาลสหพันธรัฐ จิม ชาลเมอร์ส (Jim Chalmers) กับวัตถุประสงค์ของงบประมาณปี 2023

คุณไบลีย์ ไรลีย์ (Bailey Riley) ประธานสหภาพนักศึกษาแห่งชาติ (National Union of Students) กล่าวว่าเธออยากเห็นรัฐบาลทำมากกว่านี้
มันเป็นความช่วยเหลือที่ยังอยู่ในขั้นต่ำจากรัฐบาล
"ที่เคยสัญญาไว้ว่าจะขอความช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าบ้านจากเครือจักรภพ 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเท่ากับ 31 ดอลลาร์ทุก 2 สัปดาห์ ยังต่ำกว่าค่าเช่าที่ขึ้นโดยเฉลี่ยในเมืองใหญ่ๆ ค่าเช่าที่ซิดนีย์เพิ่มขึ้นเป็น 20-40 เปอร์เซ็นต์ แต่เงินช่วยเหลือยังต่ำมากๆ ความช่วยเหลือโดยเฉพาะเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านยังไม่เพียงพอเพื่อช่วยคนวัยรุ่น”
ด็อกเตอร์อเดล เมอร์โดโล (Dr Adele Murdolo) ผู้บริหารศูนย์วัฒนธรรมนานาชาติเพื่อสตรี (Multicultural Centre for Women) กล่าวว่าวิกฤตค่าเช่าบ้านส่งผลกระทบต่อผู้หญิงและชนพื้นเมืองออสเตรเลีย สิ่งนี้ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

“ประเด็นหลักๆ ที่เราได้ยินจากผู้หญิงหลายคนคือเรื่องค่าครองชีพ เช่นเดียวกับทุกคน ฉันกังวลกับผู้หญิงที่เป็นผู้อพยพซึ่งมักจะเสียเปรียบและอยู่ในพื้นที่ที่ด้อยโอกาส พวกเขาต้องเผชิญกับวิกฤตค่าเช่าบ้านอีก”

ดร. เมอร์โดโลกล่าวว่าสิ่งสำคัญคือควรให้เงินช่วยเหลือกับประชาชนออสเตรเลียทุกคน

“เรามีบริการดูแลเด็ก (childcare) กับผู้ที่ถือวีซ่าบางประเภทหรือผู้พำนักถาวรในออสเตรเลีย แต่ยังมีอีกกว่า 1 ล้านคนที่อยู่ด้วยวีซ่าชั่วคราว พวกเขาอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว และพวกเขาพลาดเงินช่วยเหลือเหล่านี้”
Childcare
ศูนย์ดูแลเด็ก Source: AAP
คุณโมฮัมเหม็ด อัล คาฟาจิ (Mohammed Al-Khafaji) ผู้บริหารสมาพันธ์ชุมชนพหุวัฒนธรรมแห่งออสเตรเลีย (Federation of Ethnic Communities Councils of Australia ชื่อย่อ FECCA) กล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพของชุมชนพหุวัฒนธรรมในปีนี้
เราคิดว่างบประมาณปีนี้เป็นข่าวดีของชุมชนพหุวัฒนธรรม
"แน่นอนค่าครองชีพเป็นเรื่องเร่งด่วนและเงินเยียวยามีความสำคัญกับประชาชนออสเตรเลียทุกคน และชุมชนพหุวัฒนธรรมก็ได้ประโยชน์เช่นกัน”

นับตั้งแต่เดือนกันยายนปีนี้เป็นต้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรังจะสามารถซื้อยาได้ในราคาถูกลง

รัฐมนตรีชาลเมอร์สกล่าวว่ารัฐบาลกลางจะลงทุน 2.2 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ยาผ่านโครงการสิทธิประโยชน์ทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical Benefits Scheme หรือ PBS)

“ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังจะสามารถขอรับยาต่างๆ จากลิสต์กว่า 300 ยา นานเป็นเวลา 2 เดือน แทนที่จะต้องไปหาเภสัชกรทุกๆ เดือน”
แต่ดร.เมอร์โดโลกล่าวว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถขอรับสิทธ์ประโยชน์ PBS ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ถือวีซ่าประเภทชั่วคราว

“ผู้หญิงที่เป็นผู้อพยพ ที่ตั้งครรภ์ ที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์เมดิแคร์ (Mediare) ได้ ไม่สามารถไปฝากครรภ์ได้ทุกครั้งเพราะต้องเก็บเงินไว้ ต้องงดหรือชะลอการพบแพทย์และการขอรับการดูแล นั่นเป็นผลเสียในที่สุด ดังนั้นเรื่องยาที่ราคาถูกและการขอรับยาได้ง่ายขึ้นเป็นเรื่องดี แต่ควรคิดถึงผู้ที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ PBS และเมดิแคร์ด้วย”

อย่างไรก็ตามชนพื้นเมืองยังคงคาดหวังที่จะมีมาตรการเงินช่วยเหลือมากกว่านี้ แม้จะมีการประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

รัฐบาลได้ให้คำมั่นว่าจะพัฒนาองค์กรเพื่อชนพื้นเมืองระดับภูมิภาคในระหว่างที่ออสเตรเลียเตรียมลงคะแนนเสียงในการลงประชามติแห่งชาติในปลายปีนี้

พรรคแรงงานกล่าวว่ารัฐบาลเดินอยู่บนเส้นด้ายบางๆ ของสถานการณ์การเงินขณะนี้ ขณะที่พยายามลดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนได้หรือไม่


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share