จากเงิน JobKeeper ไปถึงเงิน Coronavirus Supplement มีความช่วยเหลืออะไรและใครมีสิทธิ์ได้

ชาวออสเตรเลียจำนวนเพิ่มมากขึ้น กำลังมองหาความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลสหพันธรัฐ เพื่อช่วยให้พวกเขาผ่านการแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาไปได้

The federal government's coronavirus supplement will be cut by $300 from 25 September.

The federal government's coronavirus supplement will be cut by $300 from 25 September. Source: AAP

เกิดการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลกเนื่องจากการแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนา ส่งผลให้มีชาวออสเตรเลียจำนวนมากขึ้นต้องหันหน้าเข้าหาเงินสวัสดิการสังคมเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถจ่ายค่าเช่าและซื้อสิ่งของต่างๆ ที่จำเป็นได้

การตอบสนองกับเรื่องดังกล่าว รัฐบาลสหพันธรัฐได้ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงเงินสวัสดิการง่ายขึ้น โดยการออกสิทธิประโยชน์ใหม่ เพิ่มอัตราการจ่ายเงินสำหรับที่เงินช่วยเหลือมีอยู่ก่อนแล้ว และขยายเกณฑ์การมีสิทธิ์รับเงินสวัสดิการ

มาตรการใหม่เหล่านี้เป็นอย่างไร และใครบ้างที่มีสิทธิ์รับเงินสวัสดิการ

งินจ๊อบคีพเปอร์ (JobKeeper payment) 

เงินจ๊อบคีพเปอร์ คือโครงการให้เงินชดเชยค่าจ้าง ด้วยงบประมาณ 130,000 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลสหพันธรัฐบอกว่าจะเป็นประโยชน์ต่อลูกจ้างในออสเตรเลียราว 6 ล้านคน เป็นระยะเวลา 6 เดือนข้างหน้า

อย่าสับสน คิดว่านี่คือเงินจ๊อบซีคเกอร์ (JobSeeker payment) ซึ่งเดิมเคยเรียกว่าเงินนิวสตาร์ท (Newstart) สำหรับผู้ที่ตกงานอยู่แล้วก่อนการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

โดยสวัสดิการเงินจ๊อบคีพเปอร์นี้จะให้แก่ลูกจ้างที่ต้องเผชิญกับการตกงานหรือถูกให้ออกจากงานไปแล้ว เนื่องจากนายจ้างของพวกเขาได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่าน

โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บรรดานายจ้างเก็บลูกจ้างเหล่านั้นไว้ในระบบของบริษัทต่อไป และให้ลูกจ้างฟูลไทม์ได้กลับเข้าทำงานต่อเมื่อข้อจำกัดต่างๆ ถูกยกเลิกไปแล้ว

โครงการดังกล่าวจะให้เงินชดเชยค่าจ้างแก่ธุรกิจที่มีสิทธิ์ จำนวน 1,500 ดอลลาร์ ต่อ 2 สัปดาห์ ต่อลูกจ้างแต่ละคน
เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลือ ที่รัฐบาลสหพันธรัฐบอกว่าเทียบเท่ากับราวร้อยละ 70 ของค่าจ้างมัธยฐาน (median wage) ทั้งนายจ้างและลูกจ้างจะต้องมีคุณสมบัติที่ตรงตามเกณฑ์

 

  • ธุรกิจต่างๆ จะมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือนี้หากพวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่ารายได้ลดลงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจที่มีเงินทุนหมุนเวียนมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ต้องพิสูจน์ว่ารายได้ของพวกเขาลดลงไปมากกว่าร้อยละ 50
  • ลูกจ้างที่มีสิทธิ์ ได้แก่ ลูกจ้างฟูลไทม์และพาร์ทไทม์ เช่นเดียวกันกับผู้ประกอบกิจการเจ้าของคนเดียว (sole trader) โดยลูกจ้างที่ตกงานจากธุรกิจที่ปิดตัวลงเนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจะยังคงได้รับเงินต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำงานก็ตาม
จากการประกาศเมื่อบ่ายวันอังคาร (31 มี.ค.) ลูกจ้างแคชวลจะมีสิทธิ์รับเงินชดเชยค่าจ้างนี้ หากพวกเขาทำงานในตำแหน่งเดียวกันมานานกว่า 12 เดือน มีการเรียกร้องให้ขยายคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ ให้รวมไปถึงผู้ถือวีซ่าชั่วคราวและลูกจ้างแคชวลทั้งหมดอีกด้วย

จะยังไม่มีการจ่ายเงินชดเชยค่าจ้างนี้จนกว่าจะถึงต้นเดือนพฤษภาคม โดยจะมีการจ่ายเงินชดเชยให้ย้อนหลังไปถึงวันจันทร์ (30 มี.ค.)
ธุรกิจเกือบ 60,000 แห่งได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือนี้แล้วภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังรัฐบาลประกาศเรื่องนี้ออกมาเมื่อบ่ายวันจันทร์

ชาวนิวซีแลนด์ที่ทำงานในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งโดยปกติจะไม่ได้เข้าถึงระบบเงินสวัสดิการ ก็มีสิทธิ์ในโครงการนี้เช่นกัน ส่วนผู้ถือวีซ่าชั่วคราวประเภทอื่นๆ ยังไม่มีสิทธิ์ในโครงการนี้ แต่นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวเมื่อวันจันทร์ ว่าเรื่องนี้ “อยู่ภายใต้การพิจารณา”
Prime Minister Scott Morrison announces the government's $130b wage subsidy package
Prime Minister Scott Morrison announces the government's $130b wage subsidy package at a press conference at Parliament House Source: AAP
เงินช่วยเหลือจากผลของไวรัสโคโรนา

โครงการจ๊อบคีพเปอร์ (JobKeeper) คือเงินช่วยเหลือล่าสุดจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาล และได้ออกมาหลังจากที่มีการประกาศเมื่อไปสัปดาห์ที่แล้ว ถึงการจ่ายเงินเพิ่มเติมให้กับผู้ที่ได้รับเงินสวัสดิการอยู่ก่อนแล้ว

เงินช่วยเหลือจากผลของไวรัสโคโรนา (Coronavirus Supplement) นี้มีเป็นเงินจำนวน 550 ดอลลาร์ ต่อ 2 สัปดาห์ และจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายนเป็นต้นไป

หลังจากวันนั้น เงินเพิ่มเติมนี้จะถูกจ่ายเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ สำหรับทุกคนที่ได้เงินสวัสดิการดังต่อไปนี้

  • เงินจ๊อบซีคเกอร์ (JobSeeker payment)
  • เงินเบี้ยเลี้ยงเนื่องจากความเจ็บป่วย (Sickness Allowance)
  • เงินเบี้ยเลี้ยงเยาวชน (Youth Allowance)
  • เงินผู้ปกครอง (Parenting Payment) (ทั้งแบบคู่ครอง และพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว)
  • เงินเบี้ยเลี้ยงคู่ครอง (Partner Allowance)
  • เงินออสสตัสดี (Austudy)
  • เงินแอบสตัสดี (ABSTUDY)
โดยเงินสวัสดิจ๊อบซีคเกอร์ (JobSeeker) จะถูกเพิ่มเป็น 2 เท่า ในวันที่ 27 เมษายน โดยผู้รับเงินที่เป็นโสดและไม่มีบุตร จะมีสิทธิ์ได้เงินราว 1,100 ดอลลาร์ ต่อ 2 สัปดาห์

เงินช่วยเหลือจากผลของไวรัสโคโรนา จะไม่รวมไปถึงผู้ที่ได้รับเงินสนับสนุนผู้พิการทุกพลภาพ (Disability Support Pension) หรือเงินเบี้ยเลี้ยงผู้ดูแล (Carer Payment)

เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ

เงินสดกระตุ้นเศรษฐกิจ (Economic Support Payment) ที่ปลอดภาษี เป็นเงินที่ที่จ่ายให้เพียงครั้งเดียว 750 ดอลลาร์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลสหพันธรัฐบอกว่า ชาวออสเตรียกว่า 6 ล้านคนจะได้รับเงินนี้

ผู้ที่มีสิทธิ์รับเงินนี้ รวมไปถึงทุกคนที่ได้รับเงินสวัสดิการอยู่ก่อนแล้ว และผู้ที่เพิ่งสมัครขอรับเงินสวัสดิการจากเซ็นเตอร์ลิงค์ หากพวกเขายื่นเรื่องเข้ามาก่อนวันที่ 13 เมษายน

เงินเยียวยาทางเศรษฐกิจ (Economic Support Payment) ดังกล่าว จะถูกจ่ายเข้าบัญชีของผู้รับเงินโดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับเงินช่วยเหลือจากผลของไวรัสโคโรนา (Coronavirus Supplement)

การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ต่อการจ่ายเงินที่มีอยู่แล้ว

มีการเปลี่ยนแปลงมากมายสำหรับเงินสวัสดิการที่มีอยู่แล้ว เพื่อช่วยบรรดาลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

เช่น การมีสิทธิ์และเกณฑ์คุณสมบัติ ของผู้รับเงินจ๊อบซีคเกอร์ (JobSeeker) และเงินเบี้ยเลี้ยงเยาวชน (Youth Allowance) มีเกณฑ์ที่ผ่อนคลายมากขึ้น

หลังจากวันที่ 27 เมษายน เงินช่วยเหลือทั้ง 2 ประเภท จะใช้ได้กับ

  • ลูกจ้างประจำที่ถูกพักงาน
  • ผู้ประกอบกิจการเจ้าของคนเดียว (sole trader) ผู้ทำธุรกิจส่วนตัว (self-employed) ลูกจ้างแคชวล ที่ปัจจุบันรายได้ลดลงเหลือน้อยกว่า 1,075 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย
  • ผู้ดูแลของบุคคลที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 หรืออยู่ระหว่างการแยกตัวเพื่อกักโรคเนื่องจากได้สัมผัสกับเชื้อ
บุคคลจะไม่สามารถรับทั้งเงินจ๊อบคีพเปอร์ (JobKeeper) และเงินจ๊อบซีคเกอร์ (JobSeeker) ได้ 

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์เพดานรายได้สูงสุดที่ประกาศออกมาเมื่อวันจันทร์ หมายความว่า จำนวนเงินที่ผู้รับเงินสวัสดิการจ๊อบซีคเกอร์ได้รับนั้นจะไม่ลดลงนอกเสียจากคู่ครองของพวกเขามีรายได้มากกว่า 79,762 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพดานรายได้สูงสุดเดิมอยู่ที่ 48,000 ดอลลาร์ต่อปี
People are seen queueing outside the Centrelink office in Southport on the Gold Coast.
People are seen queueing outside the Centrelink office in Southport on the Gold Coast. Source: AAP
การประเมินทรัพย์สิน (Asset test) จะถูกงดเว้นให้ชั่วคราวสำหรับการเงินสวัสดิการหลายประเภท เช่นเดียวกับระยะที่ยังไม่มีสิทธิ์รับเงินสวัสดิการของลูกจ้างตามฤดูกาล (Seasonal Workers Preclusion Period) และระยะเวลารอก่อนมีสิทธิรับเงินสวัสดิการของผู้อยู่อาศัยที่เพิ่งเดินทางมาถึง (Newly Arrived Residents Waiting Period)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ .

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้ 

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 1 April 2020 6:23pm
Updated 6 April 2020 8:58am
By Evan Young
Presented by Narissara Kaewvilai


Share this with family and friends