รัฐบาลจะเลิกจำกัดชั่วโมงทำงานนักเรียนต่างชาติในบางอุตสาหกรรม

คณะผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ พยายามแก้ไขจุดที่ก่อให้เกิดปัญหาซึ่งส่งผลให้ชั้นวางสินค้าในร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ตว่างเปล่าและโรงพยาบาลกำลังประสบปัญหาหนักในการให้การดูแลอย่างเพียงพอแก่คนไข้

Prime Minister Scott Morrison speaks to the media during a press conference following a national cabinet meeting, at Parliament House in Canberra.

Prime Minister Scott Morrison speaks to the media during a press conference following a national cabinet meeting, at Parliament House in Canberra. Source: AAP

นักศึกษาต่างชาติจะถูกเรียกมาช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เกิดจากเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ขณะมีการเปลี่ยนแปลงลูกจ้างที่ถูกจัดว่าเป็นพนักงานที่ทำงานจำเป็นภายใต้กฎการกักตัวหลังสัมผัสเชื้อโควิด-19

นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ยืนยันว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อยกเลิกการจำกัดชั่วโมงทำงานของนักเรียนต่างชาติ 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ

การผ่อนคลายข้อกำหนดชั่วคราวนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการที่ลูกจ้างหลายพันคนต้องกักตัวจากสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19

นายมอร์ริสันกล่าวว่า สถานการณ์นี้นั้นต้องใช้ความสมดุลระหว่างการช่วยให้ผู้คนทำงานต่อไปได้ ขณะที่ปกป้องระบบสาธารณสุข เนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เป้าหมายไม่ใช่เพื่อยับยั้งไม่ให้ทุกคนในประเทศติดเชื้อโควิด” เขาบอกกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุมคณะผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ

"เป้าหมายคือปกป้องโรงพยาบาลของเรา และช่วยให้สังคมและเศรษฐกิจของเราทำงานต่อไปได้ ในขณะที่เราเผชิญการระบาดระลอกล่าสุดนี้จากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน"
เป้าหมายคือปกป้องโรงพยาบาลของเรา และช่วยให้สังคมและเศรษฐกิจของเราทำงานต่อไปได้ ในขณะที่เราเผชิญการระบาดระลอกล่าสุดนี้จากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน
จำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องทำให้ลูกจ้างจำนวนมากต้องลางาน เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 หรือถูกจัดเป็นผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ

ขยายกลุ่มผู้ที่จัดเป็นพนักงานที่จำเป็นขยายเพื่อกำลังแรงงาน

นายมอร์ริสันยังประกาศด้วยว่า จะมีการผ่อนคลายกฎของผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อสำหรับพนักงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมการขนส่ง การขนส่งสินค้า และโลจิสติกส์ทั้งหมด เพื่อลดแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)

การเปลี่ยนแปลงนี้นั้นจะหมายความว่าคนงานในภาคส่วนเหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้กลับไปทำงานได้ทันที หากพวกเขาเป็นผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ แต่มีผลการตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจเชื้อแบบทราบผลรวดเร็วเป็นลบ

รัฐบาลสหพันธรัฐคาดการณ์ว่า 20-50 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานขับรถบรรทุกและพนักงานด้านโลจิสติกส์กำลังต้องลางาน เพราะต้องกักตัวหรือได้รับผลกระทบจากโควิด-19

นายมอร์ริสันอธิบายว่ามาตรการนี้ “ขยายไปถึงลูกจ้างในภาคส่วนนี้อย่างทันที” และจะรวมไปถึงผู้ที่ทำงานในสถานีบริการน้ำมันด้วย

กฎเดียวกันนี้จะขยายไปถึงบริการด้านสุขภาพ บริการเหตุฉุกเฉิน และบริการเกี่ยวกับสินค้าจำเป็น เช่น ด้านทรัพยากรพลังงาน ทรัพยากรน้ำ และระบบจัดส่งสินค้าอาหาร

กฎนี้จะครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมการโทรคมนาคม สื่อมวลชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่การศึกษาและดูแลเด็กเล็ก

ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี อัลบานีซี ผู้นำฝ่ายค้านของสหพันธรัฐ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า โดยเขากล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับชุดตรวจเชื้อแบบทราบผลรวดเร็วที่กำลังขาดแคลน

“รัฐบาลนี้ไม่สามารถรอจนปัญหากลายเป็นวิกฤตเสียก่อน จึงจะลงมือทำได้” นายอัลบานีซี กล่าวกับผู้สื่อข่าว

"เห็นได้ชัดว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาการขาดแคลนพนักงานทำงานคือ การที่ผู้คนไม่สามารถหาชุดตรวจเชื้อแบบทราบผลรวดเร็วมาใช้ได้"

'จำเป็นอย่างยิ่งที่โรงเรียนจะต้องเปิดเรียน'

นายมอร์ริสันยังย้ำด้วยว่า ต้องให้ความสำคัญกับการนำเด็กที่กลับไปเรียนที่โรงเรียน เพื่อช่วยบรรเทาวิกฤตขาดแคลนแรงงานที่กำลังเพิ่มขึ้นของออสเตรเลีย

เขายืนยันว่าโรงเรียนต่างๆ ไม่ควรเลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไปจนกว่าจะหลังช่วงที่คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงสุด เช่นที่เกิดขึ้นในรัฐควีนส์แลนด์และเซาท์ออสเตรเลีย

“ถ้าโรงเรียนไม่เปิดเรียน นั่นจะเพิ่มปริมาณพนักงานลางานอีก 5 เปอร์เซ็นต์” นายมอร์ริสันกล่าว
ถ้าโรงเรียนไม่เปิดเรียน นั่นจะเพิ่มปริมาณพนักงานลางานอีก 5 เปอร์เซ็นต์
"จำเป็นอย่างยิ่งที่โรงเรียนจะต้องกลับไปเปิดเรียนอย่างปลอดภัย และเปิดเรียนอยู่ได้อย่างปลอดภัยด้วย"

คณะผู้นำรัฐและมณฑลไม่ได้มีข้อตกลงเฉพาะเจาะจงใดๆ ว่าการกลับไปเรียนที่โรงเรียนจะมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่มีการรับรองหลักการสำคัญส่วนหนึ่ง รวมทั้งหลักการที่ว่าโรงเรียนมีความจำเป็นและ "ควรเป็นที่แรกที่เปิดและที่สุดท้ายที่ปิด"

นายกรัฐมนตรีชี้ปาร์ตีโควิดเป็น 'เรื่องไร้สาระ'

ในระหว่างการแถลงข่าว นายมอร์ริสันยังประณามแนวคิดที่ผู้คนไปร่วมงานปาร์ตีโควิด-19 (COVID-19 parties) เพื่อให้ติดเชื้อโดยเจตนา

เขาเน้นย้ำว่าหลักฐานทางการแพทย์แสดงให้เห็นว่า "การติดเชื้อซ้ำ" ของสายพันธุ์โอมิครอนนั้น สามารถเกิดขึ้นได้

“เรื่องเกี่ยวกับปาร์ตีโควิดทั้งหมดนี้นั้นไร้สาระ มันน่าขบขัน” นายกรัฐมนตรีบอกกับผู้สื่อข่าว

“ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถไปที่นั่นและไปติดเชื้อไวรัส แล้วจะได้จบๆ ไป ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น”

เขาเรียกร้องให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังและใช้สามัญสำนึกในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนานี้ต่อไป โดยปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 14 January 2022 1:21pm
Updated 14 January 2022 1:26pm
By Tom Stayner
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News


Share this with family and friends