เหตุใดร้านอาหารแห่งนี้ในซิดนีย์จึงลังเลที่จะเปิดร้านหลังปลดล็อกดาวน์

ขณะที่ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยในซิดนีย์เริ่มเปิดให้จองโต๊ะกันแล้วสำหรับเมื่อมีการปลดล็อกดาวน์ แต่ไม่ใช่ทุกร้านที่รีบกลับมาเปิดให้บริการ

Abbas Zaki, Tasneem Abbas and Murtaza Abbas at Zakinsa, their family restaurant in Chatswood.

Abbas Zaki, Tasneem Abbas and Murtaza Abbas at Zakinsa, their family restaurant in Chatswood. Source: SBS Sandra Fulloon

แม้จะสูญเสียรายได้อย่างหนักในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาขณะที่ร้านอาหารของเธอว่างเปล่า แต่แทสนีม อับบาส ไม่ได้วางแผนที่จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในทันทีที่ข้อจำกัดการปิดเมืองของซิดนีย์ผ่อนคลายลงในปลายเดือนนี้

“ในร้านอาหารเล็กๆ ของฉัน ถ้ามีคนมารับประทานอาหารเพียงแค่ 10 ถึง 12 คน เราจะจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างไร? เรารู้ว่ามันจะลำบากมากในด้านการเงิน” คุณอับบาส ผู้อพยพวัย 40 ปีจากปากีสถาน บอกกับเอสบีเอส นิวส์

“จนกว่าจะมีการยกเลิกข้อจำกัดพื้นที่สี่ตารางเมตร เราจะไม่เปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้าน จะเป็นเพียงขายอาหารให้ลูกค้านำกลับไปรับประทานที่บ้านเท่านั้น (takeaway) "

ร้านอาหาร Zakinsa ของคุณอับบาส อยู่ในย่านแชตส์วูด (Chatswood) ทางเหนือของซิดนีย์ และเป็นหนึ่งในร้านอาหาร 20,000 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา ความสูญเสียทั้งหมดรวมกันนับตั้งแต่การล็อกดาวน์ของซิดนีย์เริ่มขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายน คาดว่าจะอยู่ที่หลายพันล้านดอลลาร์
ร้านอาหารแห่งนี้ ที่ดำเนินการโดยสมาชิกในครอบครัว ซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างพนักงาน ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้ารับเงินช่วยเหลือในโครงการจ๊อบเซฟเวอร์ (JobSaver) ของรัฐบาลนิวเซาท์เวลส์ได้ พวกเขากำลังประสบความยากลำบากที่จะชำระค่าใช้จ่าย 7,500 เหรียญต่อเดือน

คุณอับบาส กล่าวว่า "เราไม่ชำระค่าใช้จ่ายเหล่านั้นได้ เราจึงต้องยืมเงินจากเพื่อนและครอบครัว และเรารู้สึกขอบคุณพวกเขาจริงๆ" คุณอับบาสกล่าว

เตาปิ้งบาร์บีคิวแบบดั้งเดิมของร้านอาหารแห่งนี้ยังคงมีไฟโชติช่วงอยู่เกือบทุกเย็น โดยมีคุณซาคิ อับบาส สามีของคุณอับบาส ย่างไก่รสเผ็ดและเนื้อวัวบนเตาถ่าน เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าแบบคอนแท็กซ์เลส (contactless การส่งอาหารให้โดยลูกค้าและพนักงานส่งไม่ต้องเจอหน้ากัน) ทั่วเมือง

รายได้จากการขายอาหารแบบให้ลูกค้าซื้อกลับบ้าน (takewaway) ของพวกเขาขณะนี้ อยู่ที่ราว 5,000 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 4 ของรายได้ที่พวกเขามีจนถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งก่อนหน้านี้ร้านมีรายได้จากลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารเต็มร้าน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายอาหารให้คนซื้อกลับบ้านเพิ่มเข้ามาอีก
ด้วยเงินทุนช่วยเหลือแบบให้เปล่าของรัฐบาลและการช่วยเหลือด้านค่าเช่า 40 เปอร์เซ็นต์ ครอบครัวนี้หวังว่าจะอดทนต่อไปได้จนกว่าข้อจำกัดต่างๆ สำหรับร้านอาหารจะดีขึ้น

“มีคนจำนวนมากที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เราจึงหวังว่าปลายปีนี้เราจะสามารถกลับมาเปิดร้านได้อีกครั้ง” คุณอับบาส กล่าว

'กังวลแต่ตื่นเต้น'

ในขณะเดียวกัน ที่อีกฝากหนึ่งของเมือง ในพื้นที่ตะวันตกชั้นในของซิดนีย์ คุณอะเดโคคุนโบว์ อะเดนียี มีความคิดที่แตกต่างออกไป

คุณอะเดนียี กำลังยุ่งอยู่กับการรับออเดอร์และเตรียมพร้อมที่จะเปิดร้านอาหารไนจีเรีย Little Lagos ในย่านเอ็นมอร์ เมื่อข้อจำกัดต่างๆ ผ่อนคลายลง

“สิ่งแรกที่เราจะทำคือพิจารณาเมนูของเรา” เขากล่าว

“พูดจริงๆ คือ ผมค่อนข้างกังวล แต่ก็ตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน”
Adetokunboh Adeniyi at his Nigerian restaurant in Enmore.
Adetokunboh Adeniyi at his Nigerian restaurant in Enmore. Source: SBS Edgard Ferreira
เอสบีเอส นิวส์ ได้ไปเยือน Little Lagos ครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมเมื่อร้านต้องปิดลง และสูญเสียรายได้รายเดือนราว 35,000 ดอลลาร์

ตั้งแต่นั้นมา คุณอะเดนียี ก็ได้รับเงินช่วยเหลือจ๊อบเซฟเวอร์ (JobSaver) และเจรจาขอลดค่าใช้จ่าย และตอนนี้เขาก็มองเห็นหนทางที่จะก้าวต่อไป

“เราวางแผนที่จะเปิดให้คนมานั่งรับประทานอาหารในร้านอีกครั้งในเดือนตุลาคม และมีการจองโต๊ะเข้ามาแล้ว เราแทบรอไม่ไหวที่จะมีผู้คนกลับมาที่นี่อีกครั้ง” คุณอะเดนียีกล่าว

เขากล่าวว่าการสนับสนุนจากชุมชนในช่วงล็อกดาวน์เป็นกำลังใจให้ร้านกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

“การได้เห็นการสนับสนุนเช่นนั้นจากชุมชน การเห็นการสนับสนุนเช่นนั้นจากเพื่อนๆ ของเรา จากลูกค้าของเรา มันทำให้เรารู้สึกตื้นตันใจจริงๆ ” คุณอะเดนียี กล่าว

"การกลับมาเปิดร้านอีกครั้งเป็นเรื่องดีที่สุดที่เกิดกับเรานับตั้งแต่จากการระบาดใหญ่ของโควิดเริ่มต้นขึ้น มันทำให้เรามีความหวังอย่างแท้จริงว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นพิเศษอย่างยิ่ง"
Little Lagos is preparing to reopen in October.
Little Lagos is preparing to reopen in October. Source: SBS Edgard Ferreira
คุณอะเดนียี กล่าวว่า เขาไม่กังวลเกี่ยวกับการที่ร้านจะต้องคอยตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีนของลูกค้าที่มานั่งรับประทานอาหารในร้าน

“คนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีน และเมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก ผมค่อนข้างแน่ใจว่าพวกเขาคาดหวังอยู่แล้วว่าจะมีข้อกำหนดบางอย่าง ดังนั้นเราจึงไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาสำหรับเราในการตรวจสอบว่าผู้คนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว” คุณอะเดนียี กล่าว

รายงานฉบับใหม่ที่เผยแพร่ออกมาในสัปดาห์นี้จาก Zeller ชี้ให้เห็นว่าผู้คนที่อยากออกไปรับประทานอาหารที่ร้านส่วนใหญ่ไม่รู้สึกรำคาญใจกับเรื่องนี้

จากสำรวจผู้คน 1,000 คนทั่วออสเตรเลีย รายงานดังกล่าวพบว่า 74 เปอร์เซ็นต์สนับสนุนการที่ร้านอาหารหรือสถานที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ จะต้องขอดูหลักฐานการฉีดวัคซีน เพื่อที่จะนั่งในร้านได้

คุณจอช แม็กนิโคล ผู้อำนวยการด้านการเติบโตของ Zeller กล่าวว่า "สิ่งที่แสดงให้เห็นคือความกระหายอย่างแท้จริงที่จะออกไปสังสรรค์และเริ่มสนับสนุนร้านอาหารในชุมชนท้องถิ่นของตนหลังการล็อกดาวน์ที่ยาวนาน”

รายงานยังพบว่า 83 เปอร์เซ็นต์ของประชาชนที่ตอบแบบสำรวจกล่าวว่า พวกเขาใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยจากโควิด-19 และในเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบ มากกว่าราคาอาหาร

“60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามก็เต็มใจที่จะแจ้งข้อมูลผลการตรวจเชื้อโควิดล่าสุดที่เป็นลบของพวกเขา” คุณแม็กนิโคล กล่าว

แม้ว่าคุณอับบาสคาดว่าลูกค้าของร้านจะเปิดทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวปลายปี แต่เธอก็ยังมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของร้านอาหารของเธอ

“เรามีความหวังอย่างสูงว่า ธุรกิจจะฟื้นตัว และเราสามารถก้าวออกมาจากปัญหาต่างๆ ได้” คุณอับบาส กล่าว

“ฉันคิดว่าปี 2022 จะเป็นปีที่ดี”


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 8 October 2021 12:07pm
Updated 8 October 2021 12:21pm
By Sandra Fulloon
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News


Share this with family and friends