เตรียมตัวสัมภาษณ์งานอย่างไรให้ไม่พลาด

young woman's job interview

young woman steps forward as she is called in for her interview and shakes hands with her possible new employer. Source: Getty Images

Settlement Guide: การเริ่มต้นหางานแรกหรือการจะเปลี่ยนงานใหม่อาจใช้เวลานานในประเทศออสเตรเลีย เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้โทรศัพท์เชิญคุณสัมภาษณ์งาน แน่นอนว่าต้องรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็อาจเกิดความเครียดได้เช่นกัน หนทางเดียวที่จะทำให้การสัมภาษณ์งานเป็นไปด้วยดี คือการเตรียมตัวให้ดี และรู้ว่าต้องคาดหวังอะไรจากการสัมภาษณ์


ตลาดงานในประเทศออสเตรเลียนั้นมีการแข่งขันกันสูงมาก ในตำแหน่งเดียวกันอาจจะมีผู้ส่งใบสมัครเข้ามาหลายร้อยคน ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่ได้รับเลือกเข้าสู่การสัมภาษณ์งาน เท่ากับว่าคุณได้ขยับเข้าใกล้เข้าเส้นชัยไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว


  • ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนการสัมภาษณ์
  • เครื่องแต่งกายในวันสัมภาษณ์งาน
  • จะตอบคำถามที่ว่า "มีคำถามอะไรไหม?" อย่างไร
  • การส่งอีเมล์ติดตามผลหลังการสัมภาษณ์

คุณมาร์ก เดวิส เป็นผู้ประสานงานด้านการพัฒนาอาชีพของ AMES เธอบอกว่าการเตรียมความพร้อมคือหัวใจสำคัญของการผ่านด่านสัมภาษณ์งานไปได้

"เราไม่ควรจะไปถึงที่สัมภาษณ์งานแล้วคิดว่า พวกเขาจะถามอะไรกับฉันนะ? เราควรจะเข้าใจประกาศรับสมัครงานนั้นจริงๆ เข้าใจหน้าที่ และต้องเข้าใจว่าทำไมเราถึงสมัครงานนี้เข้ามา เข้าใจว่าเราคือคนที่ใช่สำหรับตำแหน่งนี้ เรามีทักษะ ความรู้ และปร ะสบการณ์ที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานนี้" คุณมาร์ก เดวิสกล่าว

คุณทิม เจมส์ เป็นกรรมการผู้จัดการ ประจำรัฐ ของบริษัท เฮย์ส (Hays) บริษัทจัดหางานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรเลีย เขาบอกว่าคุณควรเริ่มเตรียมตัวโดยการหาข้อมูลของบริษัทที่คุณจะไปสัมภาษณ์

"คุณอาจค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนั้น มีหลายวิธีที่จะทำได้ ค้นหาจากโซเชียลมีเดีย หรือโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ทำงานมืออาชีพ คุณอาจจะตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของเขาและเว็บไซต์ขององค์กรนั้น คุณอาจจะตรวจสอบดูว่าใครที่คุณมีแน้วโน้มจะถูกสัมภาษณ์ด้วย" คุณทิม เจมส์กล่าว

คุณควรจะอ่านรายละเอียดของงานอย่างรอบคอบ และขีดเส้นใต้เน้นคำสำคัญที่คุณจะได้ใช้ในระหว่างสัมภาษณ์งาน พยายามทำความเข้าใจว่าบริษัทกำลังมองหาอะไร และวางแผนว่าคุณจะตอบคำถามที่อาจจะเกิดขึ้นเหล่านั้นได้อย่างไร

คุณเรย์ พาฟวรีโค้ชให้คำปรึกษาด้านอาชีพ แนะนำว่าให้ลองฝึกกับเพื่อน

"หาใครสักคนที่เป็นนายจ้างหรืออย่างน้อยก็อยู่ในตำแหน่งที่เคยสัมภาษณ์งานคนอื่นมาก่อน แล้วจำลองการสัมภาษณ์งานกับพวกเขา อาจจะลองทำอยู่ 3-4 ครั้ง จนกว่าคุณจะรู้สึกมั่นใจที่จะเดินเข้าไปสัมภาษณ์งานจริง" คุณเรย์ พาฟวรี กล่าว
จะแต่งตัวเพื่อไปสัมภาษณ์งานอย่างไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ ลองค้นหาวิธีการแ ต่งกายของบริษัทดังกล่าว และทำให้แน่ใจว่าการแต่งกายของคุณดูเป็นแบบเดียวกัน เครื่องแต่งกายทางการอย่างเสื้อสูทและเนคไท เป็นชุดที่จะเป็นต้องใส่ในธุรกิจบางประเภท ในขณะที่ชุดที่ดูเป็นทางการน้อยลงแต่ยังคงเรียบร้อยส ามารถใส่ได้ในธุรกิจประเภทอื่นๆ

ในขณะที่หาข้อมูลเพื่อสัมภาษณ์งาน คุณควรจะรู้แล้วว่าการแต่งกายของที่นั่นเป็นอย่างไร แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจ สามารถโทรสอบถามได้ที่แผนกต้อนรับของบริษัท

ไม่สำคัญว่าคุณจะไปสัมภาษณ์งานที่ไหน แต่คุณจำเป็นต้องมีการแต่งตัวที่ดี มีรองเท้าและเสื้อผ้าที่สะอาด และในวันสัมภาษณ์งาน คุณควรไปถึงที่สัมภาษณ์งานก่อนเวลา 5 – 10 นาที เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกเร่งรีบ
Smiling candidate in discussion with interviewees during an interview.
Smiling candidate in discussion with interviewees during an interview. Source: Getty Images
การสัมภาษณ์งานนั้นมักจะเริ่มจากการพูดคุยเรื่องทั่วไป เช่นการถามว่าคุณเดินทางมาที่นี่ได้อย่างไร หรือวันนี้คุณทำอะไรมาบ้าง

คุณพาฟวรี บอกว่า ส่วนนั้นสำคัญเช่นกัน

"ผมคิดว่ายิ่งเจอคนเยอะๆ โดยเฉพาะถ้าพวกเขาเป็นผู้อพยพย้ายถิ่นฐานแล้วละก็ ยิ่งพวกเขาออกไปข้างนอกมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งได้พูดคุณกับคนอื่นๆ มากเท่านั้น ได้เข้าใจวัฒนธรรม เข้าใจประเด็นสำคัญ ถ้าช่วงนี้มีการแข่งขันรักบี้นัดสำคัญ คุณควรจะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เหตุผลคือเมื่อเราเข้ามาในห้องสัมภาษณ์งาน ช่วง 5-10 นาทีแรก พวกเขาจะถามคุณว่า “เป็นอย่างไรบ้าง” ถ้าอย่างน้อยคุณรู้ตอนนี้มีประเด็นอะไรในสังคม มันก็เป็นการง่ายที่จะเริ่มต้นการสัมภาษณ์งาน แทนที่จะกระโดดเข้าสู่เรื่องการทำงานโดยทันที" คุณพาฟวรี กล่าว

คุณคาดการณ์ได้เลยว่าคุณจะต้องถูกขอให้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง บอกว่าคุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับบริษัทนี้ รวมไปถึงประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา

นอกจากนี้ คุณอาจจะต้องตอบคำถามด้านพฤติกรรม (behavioural questions)คุณเดวิสอธิบายว่า ผู้สัมภาษณ์งานอยากรู้ว่าคุณมีประสบการณ์ในอดีตอย่างไร และคุณจะประยุกต์ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาเพื่อใช้กับตำแหน่งงานใหม่นี้อย่างไร

"การบอกพวกเขาถึงสิ่งที่คุณเคยทำในอดีต จะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่คุณจะทำในอนาคต คำถามอาจจะซับซ้อน และต้องมีการเตรียมตัวอย่างมาก เพราะฉะนั้นมันเป็นความคิดที่ดี ว่าหลังจากที่คุณอ่านประกาศรับสมัครงานนั้น คุณเข้าใจงานนั้นจริงๆ ลองคิดถึงบางสถานการณ์ที่คุณเคยประสบมา เขียนลงไปเป็นข้อๆ เหมือนเป็นเรื่องราวพร้อมบทนำ เนื้อเรื่อง และข้อสรุป" คุณเดวิสกล่าว

คุณควรแน่ใจว่าแสดงความมั่นใจและความกระตือรือร้นสนใจในตำแหน่งงานนั้นระหว่างช่วงสัมภาษณ์งาน ยิ้ม นั่งตัวตรง และสบสายตากับผู้ให้สัมภาษณ์หรือคณะกรรมการ

คุณเดวิสบอกอีกว่า ให้ใส่ใจกับการพูดของคุณ

"เมื่อเรารู้สึกประหม่า เรามักจะพูดเร็วขึ้น และถ้ารู้ตัวว่าคุณไม่ใช่คนพูดจาชัดถ้อยชัดคำ พยายามอ้าปากให้กว้างขึ้น เพราะเมื่อคุณอ้าปาก แน่นอนว่าคุณจะพูดช้าลงและชัดเจนขึ้น เพราะฉะนั้นลองฝึกพูดกับตัวเองที่หน้ากระจก หรือฝึกกับญาติ และเมื่อถึงวันสัมภาษณ์งาน จงใส่ใจการพูด และพูดให้ช้าลง" คุณเดวิสกล่าว
Tell us why we should hire you?
Shot of a group of businesspeople interviewing a candidate in an office Source: Getty Images
เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์งาน คุณจะถูกถามว่ามีคำถามอะไรไหม มันสำคัญมากที่จะต้องเตรียมคำถามเอาไว้

"พยายามทำให้คำถามดูน่าสนใจ ลองกล่าวถึงการหาข้อมูลของคุณ เช่น “ตอนที่ฉันอ่านข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณ ฉันพบว่า...” ถามบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่าคุณได้ผ่านการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท และคุณกระตือรือร้นสนใจในตำแหน่งนั้น มันเป็นความคิดที่ดีที่จะเตรียมคำถามสัก 2-3 คำถาม เพราะคุณอาจจะพบว่าข้อมูลเหล่านั้นถูกพูดถึงไปแล้ว และอย่างที่ฉันบอก ทำคำถามให้น่าสนใจและบางทีทำให้มันดูเหมือนการอภิปรายกัน" คุณเดวิสกล่าว

คุณเจมส์บอกว่า มันสำคัญเช่นกันที่จะใช้เวลาพิจารณาเพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งงานดังกล่าวเป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ

"มันคือการตัดสินใจจากทั้งสองฝ่าย และบางครั้งถ้าคุณได้ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่คุณสมัครงานมาน้อยหรือไม่เพียงพอ ผู้ถูกสัมภาษณ์ต้องใช้มันเหมือนเป็นโอกาสที่จะตั้งคำถามเพื่อดูว่าองค์กรนี้เหมาะกับตนหรือไม่ หรือเข้ากันได้กับวัฒนธรรมองค์กรหรือไม่ และอื่นๆ ใช้เป็นโอกาสเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานนั้น ความรับผิดชอบ และใช้หาคำอธิบายให้ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจของพวกเขาเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง" คุณเจมส์กล่าว
หลังจากการสัมภาษณ์งานจบลง อย่าลืมกล่าวขอบคุณกรรมการเหล่านั้น และถามว่าขั้นตอนถัดไปคืออะไร คุณเดวิสยังได้แนะนำให้ส่งอีเมล์ติดตามผลด้วย

"ส่งอีเมล์ติดตามผล โดยขอบคุณพวกพวกเขาที่สละเวลามาสัมภาษณ์คุณ และบอกพวกเขาว่าคุณกระตือรือร้นอย่างมากกับตำแหน่งนี้  และรอคอยการติดต่อกลับจากบริษัท" คุณเดวิสกล่าว

หวังว่าคุณจะได้รับการเสนอเข้าทำงานนั้น แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจถ้ามันไม่ได้เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องผ่านการสัมภาษณ์งานจำนวนหนึ่งก่อนที่คุณจะได้งานจริงๆ 
คุณควรแน่ใจว่าได้เรียนรู้จากการสัมภาษณ์งานแต่ละครั้ง มีอะไรที่คุณทำได้ดีและอะไรที่คุณควรปรับปรุง ด้วยวิธีนี้จะทำคุณเตรียมตัวได้ดีขึ้นในการสัมภาษณ์งานครั้งหน้า

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 



Share