'พิธา' วิเคราะห์ความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลีย การส่งออกแรงงาน และ soft power

Photo-Pita interview  (4).png

พิธามองอำนาจกลางจะช่วยให้มีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น Credit: SBS

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

'พิธา' วิเคราะห์ความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลีย แนะสร้างแรงงานทักษะสูง ภาษาอังกฤษแข็งแรง ย้ำไม่ใช่ทุกเรื่องจะเป็น soft power ได้


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

จากงานเสวนามองสถานการณ์และอนาคตประชาธิปไตยในอาเซียน ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกลเข้าร่วมงาน หนึ่งในประเด็นที่มีการกล่าวถึงคือความร่วมมือระหว่างประเทศของไทยและออสเตรเลีย

เอสบีเอสไทยสัมภาษณ์ถึงความเห็นและมุมมองในประเด็นดังกล่าว

ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย

ประเทศไทยและออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันกว่า 70 ปี ทั้งไทยและออสเตรเลียเป็นสมาชิกอาเซียน โดยออสเตรเลียเป็นประเทศพาร์ทเนอร์ที่ร่วมก่อตั้งอาเซียนเป็นประเทศแรก มีบทบาทมากในการให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมประชาธิปไตยในภูมิภาค

พิธามองว่าไทยสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับออสเตรเลียให้ดีขึ้นได้อีก ทั้งเรื่องการพัฒนาศักยภาพ การค้า การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการร่วมกันแก้ปัญหาหรือความท้าทายที่กำลังเผชิญ เพื่อให้สามารถเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่มูลค่า (value chain) ของโลกร่วมกันได้ โดยไม่เลือกข้างตามประเทศมหาอำนาจ

“ใช้ competitive advantage ของทั้ง 2 ประเทศให้กลายเป็น collective advantage”

พิธามองว่า เมื่อเรามีอำนาจกลาง (middle power) ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เราจะมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น และอาจพัฒนาไปสู่การเป็นสะพานเชื่อมมหาอำนาจได้
labour-Man in orange hoodie jacket harvesting coffee beans-pexels-thủy-durio.jpg
คนทำงานในฟาร์มกำลังเก็บผลไม้ Credit: Pexels/Thủy Durio

การพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย

ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางของการศึกษาต่อและการมาทำงานของคนไทย

สำหรับการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย พิธามองว่าต้องเริ่มจากในประเทศไทยและปรับตามตลาดของแต่ละประเทศที่จะส่งไป โดยสนับสนุนการส่งออกแรงงานที่เป็น hi-tech และ hi-touch เช่น อาชีพบาร์เทนเดอร์หรือสาขาอาชีพการช่างต่างๆ

“ตอนที่ผมไปนิวยอร์ก บาร์เทนเดอร์เป็นอาชีพเป็นที่ต้องการมาก มันเป็นสิ่งที่คนไทยเก่ง เป็นสิ่งที่คนไทยขายได้ เป็นสิ่งที่อยู่ใน DNA ของคนไทยอยู่แล้ว”

นอกจากเรื่องทักษะแล้ว พิธาย้ำว่าควรมีการฝึกฝนภาษาอังกฤษตั้งแต่แรก โดยยกตัวอย่างคนมาเลเซียว่าสามารถพูดได้ 4 ภาษาจึงเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเป็นแรงงานในต่างประเทศ

ในทางกลับกัน ไทยควรดูแลสวัสดิภาพแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยด้วย เช่น แรงงานจากเมียนมาร์และกัมพูชา

รวมถึงสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนไทยในต่างแดน ทั้งการถูกขูดรีดเอาเปรียบและแรงงานที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
มาที่นี่ก็มีความเสี่ยง มาที่นี่ต้นทุนชีวิตก็สูงเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะมีระบบสาธารณูปโภคที่ดี แต่ก็ยังเป็นประชาชนชั้นสอง เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการเจรจา
พิธากล่าว
Mechanic fixing car engine-Pexel-Malte Luk.jpeg
ช่างกำลังซ่อมรถยนต์ Credit: Pexel-Malte Luk

การผลักดัน Soft power ของไทย

การส่งออก soft power ที่รัฐบาลไทยยกให้เป็นวาระแห่งชาติ พิธาวิเคราะห์ว่าไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็น soft power ได้ทั้งหมด ยังมีปัจจัยเรื่องธุรกิจสร้างสรรค์ (creative economy) การสร้างแบรนด์ (branding) และการตลาด (marketing) ร่วมด้วย

เมื่อถามถึงสิ่งที่ไทยจะสามารถดึงดูดชาวต่างชาติ รวมถึงชาวออสเตรเลีย ให้เดินทางเข้ามาประเทศไทย พิธาคิดว่าจุดแข็งของประเทศไทยคือเรื่องทักษะทางเทคนิค (technical skill) ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านสามารถมาศึกษาเพื่อกลับไปพัฒนาประเทศได้

“Technical skill ที่คนไทยมี ในอุตสาหกรรมยานยนต์ สิ่งทอ งานฝีมือ การทำอาหาร การท่องเที่ยว”
Photo-Pita interview  (7).png
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ขณะให้สัมภาษณ์กับ SBS Credit: SBS
ในส่วนท้ายของบทสัมภาษณ์ พิธายังได้เล่าถึงประสบการณ์เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาต่างชาติที่นิวซีแลนด์ ความประทับใจกับเมืองเมลเบิร์น รวมถึงประเด็น Global Citizen

ฟังได้ในบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม
ฟังบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม
Thai_Interview_Pita Aus Thai relations_110724 image

'พิธา' วิเคราะห์ความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลีย การส่งออกแรงงาน และ soft power

SBS Thai

12/07/202411:59

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 
 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share