เคล็ดลับรักษาสุขภาพในช่วงล็อกดาวน์

?elbourne exercise

การเดินและวิ่งออกกำลังกายช่วงล็อกดาวน์ในเมลเบิร์น Source: Daniel Pockett/Getty Images

จากการขยายเวลาล็อกดาวน์ในเมลเบิร์นและซิดนีย์ ทำให้ยิมและสถานที่ออกกำลังกายอื่นๆ ยังคงปิดให้บริการ การขาดการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการถูกจำกัดเวลาในการออกจากบ้านมีผลกระทบทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ อ่านเคล็ดลับรักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจในช่วงล็อกดาวน์


แพทย์หญิงทามาร่า คาแวแนตต์ (Tamara Cavenett) นักจิตวิทยาและประธานสมาคมจิตวิทยาแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่าแทบทุกคนในออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทางใดทางหนึ่ง

“ในภาวะล็อกดาวน์ เราได้ฟังปัญหามากมายเกี่ยวกับความกลัวเรื่องที่พวกเขาจะเจ็บป่วย กลัวผลกระทบต่อครอบครัว ความกังวลเรื่องระบบสาธารณสุขและความสามารถที่จะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น และยังมีเรื่องผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน สิ่งที่พวกเขาทำ ที่ที่พวกเขาจะไป ข้อจำกัดทั้งหมด และแน่นอนความเหนื่อยล้าจากโลกออนไลน์ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องถูกล็อกดาวน์ มันมีเรื่องของความไม่แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หลายคนวางแผนเดินทาง แผนการทำงานซึ่งต้องชะงักและเปลี่ยนไป เป็นผลจากการระบาด มันมีผลกระทบในวงกว้าง”

คุณเซซิล เซย์ (Cecile Sy) อาสาสมัครของบียอนด์ บลู (Beyond Blue) ผู้เคยประสบภาวะซึมเศร้าในอดีต เธออาศัยอยู่ในแถบพาร์รามัตตา (Parramatta) หนึ่งในเขตเทศบาลที่มีเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงและมีมาตรการเข้มงวด
ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญคือการยอมรับว่าเราเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง บางครั้งฉันรู้สึกว่า ฉันกดดันตัวเองให้ไม่เป็นไร และมันไม่ควรเป็นอย่างนั้น ฉันต้องทำความเข้าใจและตระหนักว่าฉันกำลังรู้สึกอย่างไร โดยเฉพาะฉันอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลที่มีการระบาดสูง การล็อกดาวน์ในซิดนีย์ขยายเวลาเป็นครั้งที่สามแล้ว จุดหนึ่งฉันตื่นเต้นว่าการล็อกดาวน์กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่มันก็มีการขยายเวลา ดังนั้นมีบางวันที่ยากกว่าวันอื่นๆ
คุณเซยกล่าวว่าครั้งหนึ่งในช่วงล็อกดาวน์ เธอกลัวที่จะติดไวรัสมากจนไม่ออกจากบ้านเป็นเวลา 2 อาทิตย์ติดกัน

police melb restrictions
ตำรวจควบคุมการรวมกลุ่มตามมาตรการป้องกันโควิด-19 Source: WILLIAM WEST/AFP via Getty Images


“ฉันเคยชอบออกไปนอกบ้าน ฉันเคยไปสวนสาธารณะแทบทุกวัน มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันไม่ออกจากบ้านเลย ฉันไม่อยากแม้แต่จะไปซื้อของที่ร้าน ฉันคิดว่าเพราะว่าความกลัว ผู้คนพูดถึงเคสโควิดที่เพิ่มขึ้น ฉันเริ่มหวาดระแวง และเห็นได้ชัดว่ามันไม่ช่วยอะไร อย่างน้อยฉันควรจะกล้าพอที่จะออกไปสวนสาธารณะ สำหรับฉัน การไปสวนสาธารณะนับเป็นการปลดปล่อยครั้งใหญ่”

แพทย์หญิงคาแวแนตต์กล่าวว่า ผู้คนเสพติดการค้นหาอัปเดตข่าวล่าสุดในโซเชียลมีเดียและการดูข่าวตลอดเวลา แต่แท้จริงแล้วมันอาจทำให้รู้สึกแย่ลง

“สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากให้หลายคนคำนึงถึงคือ พวกเขาใช้ข่าวอย่างไร ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ พิจารณาดูว่ามันทำให้คุณวิตกกังวลมากขึ้นหรือไม่ หรือมีความรู้สึกแย่ลงหรือไม่ และคุณใช้เวลากี่ชั่วโมงในการเช็คข่าว พิจารณาการใช้โซเชียลมีเดียของคุณ สิ่งที่ฉันมักบอกทุกคนคือดูว่าสิ่งที่คุณทำนั้นกระทบกับคุณอย่างไร หากมันมากเกินไป หากมันทำให้คุณรู้สึกแย่ ก็ลดการใช้อุปกรณ์บางอย่างสักครู่ เพื่อให้ตัวคุณมีเวลาพักใจบ้าง”

นายแพทย์แกรนท์ บลาชกี (Grant Blashki) หัวหน้าที่ปรึกษาของบียอนด์ บลู กล่าวว่าสิ่งสำคัญคือการให้ความสำคัญต่อสิ่งที่สามารถควบคุมได้

“สิ่งที่คุณควบคุมได้ในชีวิตของคุณคืออะไร? เน้นสิ่งที่คุณควบคุมได้ พยายามใช้ชีวิตแบบมีกิจวัตร ออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ ดูแลความสัมพันธ์ โทรหาครอบครัวหรือเพื่อนๆ ตื่นมาในตอนเช้าและพูดว่า ‘โอเค วันนี้เราจะทำให้ดีได้อย่างไร?’ ผมคิดว่าการสร้างกิจวัตรเป็นสิ่งสำคัญมาก ‘ตอน 11 โมงเข้า ฉันจะไปเดิน ตอนเที่ยงฉันจะโทรหาแม่’ ให้มันมีความต่อเนื่องมากกว่าที่จะไม่มีกำหนดเวลา”


นายแพทย์บลาชกีกล่าวว่า สำหรับคนที่ทำงานจากบ้าน การสามารถแยกชีวิตส่วนตัวกับชีวิตทำงานได้เป็นสิ่งสำคัญมาก
หลายคนทำงานจากที่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ความเสี่ยงคือมันอาจกลายเป็นเหมือนคุณใช้ชีวิตอยู่ในที่ทำงาน งานจะคืบคลานเข้ามาในชีวิตคุณในรูปของอีเมล และคุณรู้สึกว่าไม่ได้หยุดพัก สิ่งที่ผมทำและแนะนำคือ คุณต้องสร้างขอบเขตที่ชัดเจนว่าเวลาไหนคือเวลาทำงานและเวลาไหนคือเวลาพักผ่อน
แพทย์หญิงคาแวแนตต์กล่าวว่า การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญมากในระหว่างการล็อกดาวน์ ไม่ใช่แค่เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของคุณ แต่ยังเพื่อสุขภาพจิตใจที่ดีขึ้นด้วย

“เราทราบว่าการออกกำลังกายนั้นมีผลที่ดีต่อสุขภาพจิตใจ และมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณควรทำ หากคุณยังไม่เคยทำมาก่อน ควรเริ่มทำ หาวิธีที่ที่คุณสามารถออกกำลังกายหรือมีส่วนร่วม และดูว่าสภาพจิตใจเป็นอย่างไรเมื่อออกกำลังกาย อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกดี อะไรที่ชอบทำ การออกไปเดินหรือวิ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณควรทำเป็นประจำ เพราะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่เคยเป็น มันยังเป็นประโยชน์ในการรักษาระดับเอ็นดอร์ฟินและรักษาสุขภาพจิตใจโดยรวม”

ศาสตราจารย์แคสแซนดรา โซเคอ (Cassandra Szoeke) กล่าวว่า ผลวิจัยชี้ว่าการออกกำลังกายทุกวันช่วยปรับปรุงสุขภาพร่างกาย

“สิ่งที่น่าสนใจในการทำวิจัยกว่า 30 ปี ที่เราคาดว่าการออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น การไปยิม การว่ายน้ำ จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น เราพบว่าคนที่มีสุขภาพดีเช่นกัน คือคนที่ออกกำลังกาย 7 วันติดต่อกัน และไม่จำเป็นต้องเป็นการออกกำลังกายอย่างหนัก คนที่เดินทุกวันเป็นเวลา 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมงมีสุขภาพดีเช่นกัน ตราบใดที่พวกเขาทำแบบนี้เป็นเวลา 7 วันต่ออาทิตย์ หากคุณไม่ได้ออกกำลังกายแบบที่คุณเคยทำ อย่าเครียด พยายามกระฉับกระเฉงทุกวันก็พอ”

healthy food
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยรักษาสุขภาพ Source: Trang Doan /pexels


สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือการให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหาร นายแพทย์บลาชกีอธิบาย

“ในทางจิตวิทยา ใจของเราบอกว่า ชีวิตฉันถูกจำกัด แล้วฉันจะหาความสุขได้ที่ไหนล่ะ? ดังนั้นมันง่ายมากที่จะรับประทานมากเกินไป หรือหลายคนดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากในตอนนี้ ในขณะที่เรากำลังเครียด ทำบริเวณบ้านให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกได้ดี อย่าซื้ออาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพไว้ในบ้าน”

คุณเซย์ กล่าวว่าการระบาดครั้งนี้ทำให้เธอตระหนักถึงหลายสิ่งที่เธอเคยมองข้ามไป เช่นการพูดคุยกับเพื่อนหรือการไปดูหนัง และมันยังทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับคนที่เคยเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธออีกด้วย

“ฉันเคยไปยิมประจำ และมีหลายคนในยิมที่ฉันไม่เคยพูดคุยด้วย ในช่วงล็อกดาวน์ทุกคนต้องเข้าคลาสออนไลน์ และฉันได้เห็นหน้าและชื่อของพวกเขา ฉันรู้สึกว่า ฉันได้ใกล้ชิดกับพวกเขามากขึ้น ฉันรู้ว่าพวกเขาทำงานอะไร อะไรทำนองนี้”

คุณเซย์ยังออกกำลังกายทุกวันและเริ่มวาดภาพ ค้นพบสิ่งใหม่ในช่วงของการระบาด


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share