A man getting coffee wearing a mask
A man getting coffee wearing a mask
This article is more than 2 years old

Explainer

เมื่อออสเตรเลียเปิดเมือง ผู้ติดโควิดจะเพิ่มสูง เราจะรับมืออย่างไร?

ขณะที่มหานครต่างๆ ของออสเตรเลียปลดล็อกดาวน์ เราได้ถามผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขสองคนว่า เราจะคาดหวังอะไรได้บ้าง เมื่อออสเตรเลียเปลี่ยนนโยบาย โดยไม่พยายามให้มีผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์อีกต่อไป

Published 2 November 2021 11:24am
Updated 2 November 2021 11:36am
By Claudia Farhart
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News
แน่นอนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะสูงขึ้นขณะที่ออสเตรเลียเปิดเมืองอีกครั้ง แต่เราไม่ควรตื่นตระหนก เนื่องจากผู้ติดเชื้อเหล่านั้นส่วนใหญ่จะมีอาการป่วยที่ไม่รุนแรง ซึ่งต่างจากเมื่อก่อน ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์กล่าว

“นี่เป็นช่วงเวลาที่ตั้งน่าตื่นเต้น แต่น่ากลัวเช่นกัน เพราะเราจะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้น ขณะที่ผู้คนปะปนกันมากขึ้นที่โรงเรียน ในชุมชน และในที่ทำงาน” ศ.โรเบิร์ต บูย (Robert Booy) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าว

“เพราะเรามีอัตราการฉีดวัคซีนที่เยี่ยมยอด โดยเฉพาะในหมู่ประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ผู้คนที่จะป่วยจะเป็นคนอายุน้อยๆ และมีแนวโน้มน้อยกว่ามากที่จะต้องเข้าโรงพยาบาล”

“หากพวกเขาต้องเข้าโรงพยาบาล พวกเขามีแนวโน้มน้อยกว่าที่จะต้องรักษาตัวในห้องผู้ป่วยวิกฤต และบอกเขาอาจอยู่โรงพยาบาลเพียงไม่กี่วัน แทนที่จะเป็นผู้สูงอายุที่ติดเชื้อโควิดและต้องอยู่โรงพยาบาลหลายสัปดาห์”

จำนวนผู้ติดเชื้อมากเพียงไรที่คาดว่าจะเกิดขึ้น?

นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลากหลายได้พยายามคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเป็นเท่าไร

แบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันโดเฮอร์ตี (Doherty Institute) ที่รัฐบาลสหพันธรัฐใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนแม่บทสำหรับการเปิดเมืองระบุว่า หากออสเตรเลียเปิดเมืองที่อัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 โดยที่ยังมีมาตรการด้านสาธารณสุขใช้บังคับอยู่ส่วนหนึ่ง ออสเตรเลียอาจพบผู้ติดเชื้อ 385,983 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1,457 รายสำหรับระยะเวลา 6 เดือน
แต่หลังจากนิวเซาท์เวลส์เปิดเมืองไปสามสัปดาห์แล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อที่คาดว่าจะเพิ่มสูงอย่างที่มีการคาดการณ์กันไว้กลับไม่ได้เกิดขึ้น

“แบบจำลองสถานการณ์มักจะประเมินไว้มากเกินไปสำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิต” ศ.บูย กล่าว

“แน่นอนว่าเราอยู่ในจุดที่ดีในนิวเซาท์เวลส์ เนื่องจากโดยหลักๆ แล้วการระบาดใหญ่ได้เริ่มหมดเชื้อไฟไปเอง จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีความอ่อนแอก็เริ่มมีไม่มาก อาจเป็นเพราะพวกเขาได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หรือพวกเขามีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ”

ระบบสาธารณสุขของเราพร้อมรับมือจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงกว่านี้หรือไม่?

นพ.คริส มอย (Dr Chris Moy) รองประธานแพทยสมาคมแห่งออสเตรเลีย (Australian Medical Association) กล่าวว่า แต่ละคนที่ฉีดวัคซีนต้านโควิดครบถ้วนแล้ว ทำให้มีคนน้อยลงอีกหนึ่งคนที่จะต้องลงเอยที่โรงพยาบาลเพราะโควิด-19 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะติดเชื้อทั้งๆ ที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม

แต่อัตราการฉีดวัคซีนนั้นแตกต่างกันไปทั่วประเทศออสเตรเลีย เอซีทีนำหน้ารัฐและมณฑลอื่นๆ ด้วยอัตราประชากรอายุ 16 ปีขึ้นไปร้อยละ 90 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว ขณะที่เวสเทิร์นออสเตรเลียยังคงตามหลังรัฐและมณฑลอื่นๆ ด้วยอัตราร้อยละ 60

นพ. มอย กล่าวว่า รัฐกล่าวว่า รัฐต่างๆ ได้ปรับปรุงระบบสาธารณสุขของตนในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมรับมือจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะพุ่งขึ้น แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดถึงจำนวนงานที่ระบบต้องรับภาระ

“เราจะเฝ้าติดตามน้อยลงเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนการฉีดวัคซีน และทั้งหมดจะเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องทำเพื่อรักษาระดับของโควิดในชุมชนที่จะไม่ท่วมระบบสุขภาพ” นพ.มอย กล่าว
Dr Chris Moy, Vice President of the Australian Medical Association.
Dr Chris Moy, Vice President of the Australian Medical Association. Source: Twitter / AMA
ทั่วประเทศมีเตียงสำหรับผู้ป่วยวิกฤตพร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลแล้ว 2,183 เตียง

เมื่อต้นเดือนนี้ โรงพยาบาลต่างๆ ยืนยันว่าสามารถเพิ่มเตียงได้อีก 3,440 เตียงหากจำเป็น แต่มีเพียง 383 เตียงเท่านั้นที่จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเพียงพอเนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังคน

นพ.มอย กล่าวว่า ระบบสาธารณสุขในรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น นิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรียนั้น มีแนวโน้มว่าจะอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้พวกเขาจะต้องเคลียร์งานในมือสำหรับผู้ป่วยที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19
“มีการรักษาพยาบาลที่ถูกเลื่อนออกไป นั่นหมายถึงว่า การที่ผู้คนจำนวนมากถูกเลื่อนการผ่าตัดและการรักษาพยาบาลอื่นๆ และขณะนี้พวกเขาจะต้องเร่งดำเนินการสำหรับสิ่งที่ถูกเลื่อนไปก่อนหน้านี้”

“ดังนั้นนั่นจึงลงเอยด้วยการมีทั้งการดูแลตามปกติ บวกกับการรักษาพยาบาลที่ถูกเลื่อนที่ต้องตามดำเนินการในทัน บวกกับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนต่อไป นอกเหนือจากนั้นยังต้องรับมือกับผู้ติดเชื้อโควิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมากในวงกว้าง และจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องเฝ้าจับตาดูจำนวนผู้ป่วยในระบบสาธารณสุขเมื่อเวลาผ่านไป”

เราจะกลายเป็นอย่างอังกฤษ ที่มีผู้ติดเชื้อนับหมื่นๆ คนต่อวันหรือไม่?

'วันเสรีภาพ' ของสหราชอาณาจักรเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม เมื่อข้อจำกัดเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 ถูกยกเลิกไปทั้งหมด

ในระยะนั้น ผู้ใหญ่ร้อยละ 68 ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว และสหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยราว 45,000 รายต่อวัน

ในขณะนั้นตัวเลขดังกล่าวได้เริ่มลดลงด้วย แต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นถึงระดับเดียวกัน ทำให้บางคนในออสเตรเลียวิตกเกี่ยวกับการเปิดเมือง เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนที่เทียบเคียงกันได้กับสหราชอาณาจักร โดยอัตราการฉีดวัคซีนโดยรวมของออสเตรเลียขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 61 และสหราชอาณาจักรอยู่ที่ร้อยละ 67
แต่ ศ.บูย กล่าวว่า มีความแตกต่างที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับวิธีการเปิดเมืองของทั้งสองประเทศ ซึ่งหมายความว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมานั้นจะไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เราสามารถเรียนรู้ได้มากมายจากสหราชอาณาจักร แต่ผมคิดว่าพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้มากกว่านั้นจากเราเช่นกัน เพราะเราใช้วิธีการเปิดเมืองที่แบ่งเป็นระยะๆ ทำอย่างระมัดระวัง และทำอย่างมีสติ” ศ.บูย กล่าว

“เนื่องจากเราบรรลุการมีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงเช่นนี้ เราจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่างไปจากสหราชอาณาจักร วันเสรีภาพของเราได้เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีสติมากกว่า เราไม่ได้มีปาร์ตี้ตามท้องถนนแบบเดียวกับที่พวกเขามี และเราจะไม่ต้องทุกข์ทรมานมากเท่ากับที่พวกเขาประสบ”

จะมีการออกข้อจำกัดต่างๆ อีกครั้งหรือไม่ หากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น?

แผนแม่บทของรัฐบาลสหพันธรัฐในการเปิดเมืองระบุว่า หลังจากที่ประชากรวัยผู้ใหญ่ของออสเตรเลียร้อยละ 80 ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว มาตรการล็อกดาวน์ที่นำมาใช้จะใช้แบบ “พุ่งไปยังเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงอย่างสูง” เท่านั้น

แต่ นพ.มอย กล่าวว่า รัฐบาลของรัฐและมณฑลต่างๆ ควรเปิดใจกว้างต่อมาตรการอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อ หากภาระต่อระบบสุขภาพมีมากเกินไป

“ผมคิดว่ามันสำคัญมากที่จะต้องเข้าใจว่าระบบสุขภาพของเรามีศักยภาพดีเพียงไรในการทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งนั่นจะเป็นปัจจัยกำหนดที่สำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการเปิดเมือง” นพ.มอย กล่าว

“แม้ว่าเราจะเข้าใจดีว่า มีการเรียกร้องขอความแน่นอนจากธุรกิจและผู้คนที่ต้องการเดินทาง แต่นั่นต้องสมดุลกับสิ่งที่เราได้ทำอย่างถูกต้องมาตลอดช่วงการระบาดใหญ่ นั่นคือ การมุ่งเน้นไปที่สุขภาพและการเฝ้าดูจำนวนผู้ป่วยในระบบสาธารณสุข เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่าข้อจำกัดต่างๆ นั้นเหมาะสมเพื่อไม่ให้ระบบสาธารณสุขมีผู้ป่วยท่วม”

“เพราะถ้ามันเกิดขึ้น ทุกสิ่งที่เราทำไปก็เปล่าประโยชน์จริงๆ”


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share