International travel illustration
International travel illustration
This article is more than 2 years old

Explainer

ไปไหนได้บ้างหลังออสเตรเลียเปิดเดินทางต่างแดน

รัฐบาลออสเตรเลียยกเลิกคำแนะนำ “ห้ามเดินทาง” เป็นครั้งแรกหลังปิดพรมแดนนานกว่า 18 เดือน โดยเริ่มเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย. นี่คือคำแนะนำปัจจุบันพร้อมรายชื่อบางประเทศที่ให้เข้าเมืองได้โดยไม่ต้องกักตัว

Published 4 November 2021 3:55pm
By Isabelle Lane
Presented by Phantida Sakulratanacharoen
Source: SBS News
ขณะนี้ ผู้ถือสัญชาติออสเตรเลีย (Australian citizen) และผู้พำนักถาวร (permanent resident) ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขอรับการยกเว้น (travel exemption)

หลังจากปิดพรมแดนเนื่องด้วยภาวะโรคระบาดยาวนานเกือบสองปี ผู้อาศัยในออสเตรเลียหลายคนต่างตั้งตารอวันได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวและมิตรสหายในต่างแดน

อย่างไรก็ตาม แต่ละประเทศมีกฎระเบียบเกี่ยวกับโควิด-19 แตกต่างกันไป กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียและผู้เชี่ยวชาญจึงขอย้ำให้ผู้เดินทางตรวจสอบข้อกำหนดว่าด้วยการกักตัว การตรวจโรค การฉีดวัคซีน และข้อกำหนดด้านการเดินทางอื่น ๆ ของประเทศปลายทางก่อนจองเที่ยวบินและที่พัก

เดินทางไปประเทศไหนได้บ้าง

ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ออสเตรเลียยกเลิกมาตรการห้ามเดินทางออกนอกประเทศหากไม่ได้รับการยกเว้นแล้ว โดยมีผลเฉพาะผู้ถือสัญชาติและผู้พำนักถาวรที่ฉีดวัคซีนครบโดส นอกจากนี้ รัฐบาลสหพันธรัฐยังประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าได้ยกเลิกคำแนะนำ “ห้ามเดินทาง” (Do not travel) ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปิดพรมแดนเมื่อเดือนมีนาคม 2020 จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19

คำเตือนดังกล่าวถูกแทนที่ด้วยคำแนะนำด้านการเดินทางรายประเทศ 177 ประเทศ โดยตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ ของรัฐบาลออสเตรเลีย

Two travellers wearing face masks at an airport.
DFAT's global ‘do not travel’ warning has been replaced by country-specific travel advice for 177 destinations. Source: Getty


“คำแนะนำด้านการเดินทางรายประเทศฉบับปรับปรุงใหม่นี้ช่วยให้ชาวออสเตรเลียที่กำลังวางแผนเดินทางต่างประเทศสามารถประเมินความเสี่ยง ทำความเข้าใจข้อกำหนดต่าง ๆ และเตรียมตัวเดินทางอย่างปลอดภัย ทั้งยังช่วยให้เข้าถึงประกันการเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น” นางมาริส เพย์น รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ระบุในคำแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (28 ต.ค.)

เว็บไซต์ Smartraveller ของกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย แบ่งหมวดหมู่คำแนะนำด้านการเดินทางเป็น 4 ระดับ

“ในขั้นนี้ ไม่มีจุดหมายปลายทางใดจัดว่าต่ำกว่าระดับ 2 หรือ ‘ใช้ความระมัดระวังระดับสูง’ เนื่องจากผลกระทบปัจจุบันจากโควิด-19” กระทรวงการต่างประเทศระบุ

“เราจะยังคงใช้คำแนะนำ ‘ห้ามเดินทาง’ ต่อไปสำหรับจุดหมายปลายทางบางแห่ง หากมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงและปลอดภัยอย่างยิ่ง”

นายดีน ลอง (Dean Long) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสหพันธ์ตัวแทนการท่องเที่ยวแห่งออสเตรเลีย (Australian Federation of Travel Agents) เห็นด้วยกับการดำเนินการครั้งนี้ โดยกล่าวว่าภาคการท่องเที่ยวเริ่มเล็งเห็น “ความต้องการล้นหลาม” ต่อการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศหลังจากยกเลิกมาตรการห้ามเดินทางระหว่างประเทศแล้ว

“การ ‘ช็อปปิ้ง’ ซื้อการเดินทางเริ่มกลับมาอีกครั้ง น่าตื่นเต้นมาก” นายลองกล่าว

“แต่เราพบว่าผู้คนตัดสินใจช้าลงบ้างเมื่อซื้อการเดินทาง ขณะที่เริ่ม [ฟื้นฟูความมั่นใจ] ว่าประสบการณ์การเดินทางจะออกมาในรูปแบบใด ... ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายต่อกลไกของรัฐบาลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนนั้นยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการ”

ต้องกักตัวหรือไม่

ระเบียบว่าด้วยการเข้าประเทศกำหนดโดยแต่ละประเทศ จึงเป็นหน้าที่ของผู้เดินทางออกจากออสเตรเลียที่ต้องตรวจสอบข้อกำหนดเหล่านี้ก่อนเดินทาง

“ทุกประเทศมีข้อกำหนดของตัวเองว่าด้วยการกักตัว บางประเทศไม่บังคับกักตัว ส่วนบางประเทศมีข้อกำหนดต่าง ๆ เช่น กักตัวในที่พัก หรือไปกักตัวในสถานกักโรคอย่างที่ทำกันในออสเตรเลีย” ดร.ปิแอร์ เบคเคนดอร์ฟ (Pierre Benckendorff) ผู้เชี่ยวชาญสาขาการเดินทางและการท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์กล่าว
Cambodia reopen its country to tourirsts
Fully vaccinated Australians will no longer need to apply for an exemption to leave the country. Source: Pexels / Alexandr Podvalny
เว็บไซต์ Smartraveller เตือนว่า “ทุกประเทศหรือดินแดนกำหนดว่าใครสามารถเข้าหรือออกผ่านพรมแดนของตนได้” การที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากออสเตรเลีย “ไม่ได้รับประกันว่าคุณจะสามารถผ่านเข้าจุดหมายปลายทางของคุณได้”

“คุณมีหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องตรวจสอบล่วงหน้าว่า จำเป็นต้องใช้เอกสารอะไรและมีข้อกำหนดอย่างไรบ้างในการเดินทางต่างประเทศ รวมถึงดูว่าต้องตรวจโควิด-19 หรือไม่อย่างไร มีพาสปอร์ตที่ใช้งานได้ วีซ่า ประกันที่จำเป็น และหลักฐานการฉีดวัคซีน”

มีประเทศใดบ้างที่เข้าได้โดยไม่ต้องกักตัว

นายลองกล่าวว่า มี “อุปสรรคใหญ่สองประการต่อการเดินทางท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด”

“ประการหนึ่งคือ การกักตัวในที่พักหรือโรงแรม ดังนั้น [การที่บางประเทศ] ยกเลิกมาตรการนี้จึงส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งเสริมให้ผู้คนเริ่มจับจองเที่ยวเดินทาง”

“ประการที่สองคือ ตระเตรียมให้แน่ใจว่าคุณจะเดินทางกลับมาได้ ความเชื่อมั่นนี้จะเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้งเมื่อผู้คนทยอยเดินทางและกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ”

หลายประเทศเริ่มอนุญาตให้ผู้เดินทางชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว หรือผ่อนคลายข้อกำหนดมากขึ้น อาทิ

  • ไทย
ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ผู้เดินทางชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วสามารถโดยสารเที่ยวบินเข้าประเทศไทยได้โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนเดินทางออกจากออสเตรเลียและเมื่อเดินทางถึงไทย ทั้งนี้ ผู้เดินทางต้องแยกตัวจากผู้อื่นโดยอยู่ภายในที่พักที่ได้รับอนุมัติจนกว่าจะทราบผลตรวจ

  • สิงคโปร์
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศเปิดช่องทางเดินทางใหม่เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. สำหรับผู้เดินทางชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ภายใต้มาตรการนี้ พลเมืองออสเตรเลีย ผู้พำนักถาวร และสมาชิกครอบครัว จะได้รับอนุญาตให้โดยสารเที่ยวบินเข้าสิงคโปร์และกลับออสเตรเลียโดยไม่ต้องกักตัว เมื่อแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนและมีประกันการเดินทาง

ทั้งนี้ ผู้เดินทางต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกจากออสเตรเลีย จากนั้นเข้ารับการตรวจอีกครั้งเมื่อถึงสิงคโปร์ และแยกตัวจากผู้อื่นจนกว่าจะทราบผลตรวจ

คาดว่านักเรียนและผู้เดินทางด้วยเหตุผลทางธุรกิจจากสิงคโปร์จะสามารถใช้ช่องทางการเดินทางนี้เข้าออสเตรเลียได้โดยไม่ต้องกักตัวเช่นกัน แต่ยังไม่มีการยืนยันรายละเอียดในขั้นนี้

  • สหราชอาณาจักร
ผู้เดินทางชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วสามารถเดินทางไปสหราชอาณาจักรโดยไม่ต้องกักตัว เว้นแต่เดินทางมาจากประเทศในรายชื่อ ‘สีแดง’ ตามที่ระบุในเว็บไซต์

ผู้เดินทางต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 ในวันแรกหรือก่อนวันที่ 2 นับจากเดินทางถึงอังกฤษ สก็อตแลนด์ เวลส์ หรือนอร์เทิร์นไอร์แลนด์
ผู้เดินทางชาวออสเตรเลียที่พำนักหรือเดินทางผ่าน (transit) ประเทศในรายชื่อ ‘สีแดง’ ก่อนเดินทางถึงสหราชอาณาจักรภายใน 10 วันหรือน้อยกว่า จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ

สหราชอาณาจักรรองรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อไปนี้ครบสองโดส ได้แก่ ไฟเซอร์ (Pfizer BioNTech) แอสตราเซเนกา (Oxford/AstraZeneca) หรือโมเดอร์นา (Moderna) จากหน่วยสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องในออสเตรเลีย

  • สหรัฐอเมริกา
ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. สหรัฐอเมริกากำหนดให้ผู้เดินทางทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส พร้อมทั้งแสดงหลักฐานผลตรวจโควิด-19 เป็นลบซึ่งตรวจภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเที่ยวบิน ส่วนข้อกำหนดการกักตัวขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐ

  • ฟิจิ
ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. พลเมืองออสเตรเลียสามารถเดินทางไปฟิจิได้ แต่ต้องแยกตัวจากผู้อื่นเป็นระยะเวลา 2 วัน

ขอหลักฐานการฉีดวัคซีนอย่างไร

ขณะนี้ ผู้เดินทางชาวออสเตรเลียสามารถขอรับ ที่รัฐบาลออกให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่าได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วสำหรับเดินทางต่างประเทศ

“ใบรับรองสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศมีคิวอาร์โค้ดที่ปลอดภัยรัดกุม ซึ่งรวมข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อยืนยันกับสายการบินและหน่วยงานต่าง ๆ ว่าคุณฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว” เว็บไซต์ Smartraveller ระบุ
“ในการขอใบรับรอง คุณต้องมีหนังสือเดินทางออสเตรเลียที่ใช้งานได้ ประวัติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของคุณต้องอยู่ในระบบของสำนักทะเบียนการฉีดวัคซีนออสเตรเลีย (Australian Immunisation Register หรือ AIR) ก่อนยื่นขอใบรับรองนี้”

ต้องมีประกันภัยการเดินทางหรือไม่

ดร.เบคเคนดอร์ฟอธิบายว่า การยกเลิกคำแนะนำ “ห้ามเดินทาง” ระหว่างประเทศและกลับมาใช้คำแนะนำรายประเทศ ส่งผลอย่างยิ่งต่อประกันภัยการเดินทาง

“การดำเนินการเช่นนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะบริษัทประกันภัยมักออกความคุ้มครองตามการจัดหมวดหมู่ประเทศ [โดย Smartraveller]”
 A passenger wearing a facemask outside the International Terminal at Kingsford Smith Airport.
Source: Getty
“ประเทศในหมวดความเสี่ยงสูงยิ่งซื้อประกันการเดินทางยาก”

เมื่อกลับมาใช้คำแนะนำการเดินทางรายประเทศอีกครั้ง “ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงประกันง่ายขึ้น หรือบางกรณีก็ลดค่าใช้จ่ายในการทำประกัน” ดร.เบคเคนดอร์ฟกล่าว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share