หน้าที่คณะลูกขุนคืออะไร? และใครจะถูกเรียกบ้าง?

Lawyer and jury

Source: Getty Images

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

พลเมืองออสเตรเลียทุกคนที่มีสิทธิเลือกตั้งอาจถูกเรียกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุน ถ้าคุณถูกเรียกต้องทำอย่างไร? และคณะลูกขุนมีเพื่ออะไร?


กดเพื่อฟังสัมภาษณ์
LISTEN TO
settlement-guide-what-is-jury-duty-and-who-can-be-summoned-for-it image

หน้าที่คณะลูกขุนคืออะไร? และใครจะถูกเรียกบ้าง?

SBS Thai

18/02/202212:49
คณะลูกขุนนั้นเป็นส่วนสำคัญของระบอบกฎหมายของออสเตรเลีย นับเป็นหน้าที่ของพลเมืองออสเตรเลียที่ต้องทำเมื่อคุณถูกเรียก และอาจถูกปรับหากไม่เข้าร่วม

การทำหน้าที่เป็นคณะลูกขุนทำให้สมาชิกของชุมชนมีบทบาทในกระบวนการของระบอบความยุติธรรม
คณะลูกขุนมีขึ้นเพื่อเป็นวิธีให้ชุมชนมีส่วนร่วมกับกระบวนการยุติธรรม และเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยในอีกนัยหนึ่ง เมื่อมีผู้ใดถูกตั้งข้อหาว่าก่ออาชญากรรมร้ายแรง ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจว่าผู้ที่กระทำความผิดนั้นผิดจริงหรือไม่ ไม่ใช่ทนายหรือผู้พิพากษา แต่เป็นบุคคลธรรมดาที่เป็นส่วนหนึ่งของ ชุมชน 12 คนที่เป็นคณะลูกขุน
คณะลูกขุนในออสเตรเลียจะนำมาใช้ในการพิจารณาบางคดีเท่านั้น คุณแจ็คกี โฮแรน (Jacqui Horan) รองศาสตราจารย์จากคณะนิติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโมนาช (Monash university) อธิบาย

“คณะลูกขุนในออสเตรเลียจะใช้ในกรณีที่มีคดีร้ายแรงเท่านั้น เราจะใช้คณะลูกขุนในการพิจารณาคดีฆาตกรรม คดีโจรกรรมที่ใช้อาวุธ และคดีล่วงละเมิดทางเพศ คดีที่ไม่ร้ายแรง เช่นคดีการโจรกรรมเล็กๆ น้อยๆ จะพิจารณาคดีโดยผู้พิพากษาและไม่มีคณะลูกขุน”
คุณมาร์ก โนแลน (Mark Nolan) ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายและความยุติธรรมแห่งมหาวิทยาลัยชาร์ล สจ๊วต (Charles Sturt University) กล่าวว่าผู้ได้รับเลือกจะถูกสุ่มเลือกจากรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในออสเตรเลีย

“โดยปกติแล้ว ขั้นตอนคือคุณจะได้รับจดหมายที่ระบุว่า ‘คุณถูกเรียกตัวให้ทำหน้าที่คณะลูกขุน ไปที่เว็บไซต์นี้และกรอกแบบสอบถาม กรอกรายละเอียดของคุณ ระบุว่าคุณสามารถเข้าร่วมการพิจารณณาคดีนั้นได้หรือไม่ และทำหน้าที่เป็นลูกขุน’ บางครั้งคุณอาจต้องตอบคำถามในเรื่องระดับภาษาอังกฤษของคุณ บางครั้งคุณอาจต้องตอบคำถามเรื่องงานของคุณ หรือตอบว่าคุณรู้จักผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีที่จะมีการพิจารณาหรือไม่”

คณะลูกขุนประกอบด้วยลูกขุน 12 คน แต่ในบางครั้งอาจมีน้อยกว่านั้น รองศจ.โฮแรนอธิบาย และกฎหมายของแต่ละรัฐและแต่ละมณฑลนั้นแตกต่างออกไป

“จำนวนคณะลูกขุนในแต่ละคดีนั้นอาจไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ส่วนไหนของออสเตรเลีย แต่โดยปกติคือ 12 คน ในบางแห่งอาจใช้คณะลูกขุนในการพิจารณาคดีแพ่งเหมือนที่ปฏิบัติกันในอเมริกา อาจเป็นคดีแพ่งสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส บางครั้งอาจเป็นคดีที่โจทก์ฟ้องโรงพยาบาลหรือแพทย์ ในบางรัฐ เช่น รัฐวิกตอเรีย อาจมีคณะลูกขุน 6 คนที่ร่วมพิจารณาคดีนั้น”

ในบางกรณี ผู้ได้รับเลือกสามารถขอยกเว้นได้ เช่น พ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกเล็ก หรือหากมีผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กและการทำหน้าที่ลูกขุนจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ดร.เบิร์ก (Dr. Burke) อธิบาย
พระราชบัญญัติของคณะลูกขุนยกเว้นให้ในบางกรณี ตัวอย่างเช่น ทนายความ เช่นผมได้รับการยกเว้นจากการทำหน้าที่ลูกขุนเพราะผมเป็นทนาย หรือผู้ที่ประกอบอาชีพสำคัญๆ เช่น หากคุณเป็นแพทย์ในแผนกฉุกเฉินหรือพยาบาลที่ต้องทำงานในช่วงการระบาด คุณไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ลูกขุน
Lawyer and jury
ืทนายความยืนข้างจำเลยและขณะลูกขุน Source: Getty Images/RichLegg
เช่นเดียวกัน ผู้ที่มีปัญหาในการได้ยิน ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพขั้นรุนแรง ผู้ที่เป็นผู้ดูแลคนชราและพวกเขาไม่สามารถละหน้าที่นั้นได้ พวกเขาจะได้รับการยกเว้น

ดร.เบิร์กกล่าวว่า หากลูกขุนทราบว่าจะไม่สามารถอยู่ฟังการพิจารณาคดีทั้งหมดได้ พวกเขาควรแจ้งก่อนที่คดีจะเริ่ม

“ในตอนแรกก่อนการพิจารณาคดีเริ่ม ผู้พิพากษาหรืออัยการสูงสุดจะบรรยายคดีแบบย่อให้แก่คณะลูกขุน ‘นี่เป็นข้อกล่าวหา และนี่เป็นหลักฐานที่คุณจะได้ฟัง’ แน่นอน หลายคดีอาจมีหลักฐานและรูปถ่ายที่อาจกระทบจิตใจ พวกเขาจะบรรยายสิ่งนั้นและพูดว่า ‘หากคุณไม่สามารถรับมันได้ และไม่สามารถรักษาความเป็นกลางได้ คุณควรแจ้งในตอนนี้ และคุณจะได้รับการยกเว้น’

เมื่อคดีเริ่มดำเนินการพิจารณา คณะลูกขุนต้องรับฟังหลักฐานทั้งหมด ดร.เบิร์กอธิบาย
คณะลูกขุนต้องรับฟังหลักฐานทั้งหมด พยานทุกคนจะให้การ คณะลูกขุนจะได้เห็นรูป วิดิโอ หรือดีเอ็นเอ อะไรเหล่านั้นที่เป็นหลักฐาน แต่คณะลูกขุนจะถูกเชิญออกจากห้องพิจารณาคดี เมื่อพวกเขาโต้แย้งเรื่องกฎหมาย และเมื่อการโต้แย้งสิ้นสุดลง คณะลูกขุนจะถูกเชิญเข้าร่วมอีกครั้ง และผู้พิพากษาจะอธิบายคณะลูกขุนว่าจะใช้กฎหมายอะไรในการตัดสินว่ามีความผิดหรือไม่
เมื่อคณะลูกขุนถูกเรียกให้ลงรายชื่อ พวกเขาจะได้รับคำแนะนำไม่ให้พูดคุยกับผู้อื่นเกี่ยวกับคดีความหรือหาข้อมูลออนไลน์ ดร.โฮแรนกล่าว

คณะลูกขุนมักเข้าร่วมการพิจารณาคดีที่ใช้เวลาระหว่าง 7-12 วัน หากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องมากกว่านั้น เช่น การพิจารณาคดีผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย อาจใช้เวลาหลายเดือนหรือนานกว่าหนึ่งปี

คณะลูกขุนมักจะถูกถามถึงวันและเวลาที่สะดวกล่วงหน้า หากพวกเขาได้รับเลือกให้เข้าร่วมพิจารณาคดีที่อาจใช้เวลานาน

“เมื่อพยานทุกคนได้ให้การและหลักฐานทั้งหมดได้ยื่นให้ศาล หากมีเอกสารในการพิจารณา คณะลูกขุนจะได้รับเอกสารเหล่านั้น และพวกเขาจะได้รับบันทึกของคดีที่มีการไต่สวนในศาล พวกเขาจะถูกเชิญให้เข้าไปอยู่ในห้องพิจารณาสำหรับคณะลูกขุนและพิจารณาคดี อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงสำหรับคณะลูกขุน 12 คนในการพูดคุยถึงประเด็นทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาพึงพอใจว่าจำเลยมีความผิดโดยปราศจากข้อสงสัย หรือพวกเขาอาจไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่มีอาจหมายความว่าจำเลยไม่มีความผิด”

ดร.โฮแรนกล่าวว่า คำตัดสินต้องเป็นเอกฉันท์ หรือในบางกรณี 11 ต่อ 1 เสียง

“ในขณะที่คดีร้ายแรงอย่างคดีฆาตกรรมในออสเตรเลียส่วนใหญ่ต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะลูกขุนทั้ง 12 คน ในบางครั้งผู้พิพากษาอาจยอมรับการเห็นชอบจากคณะลูกขุน 11 คนจากทั้งหมด 12 คน ตัวอย่างเช่น คดีการล่วงละเมิดทางเพศที่อาจมีคณะลูกขุน 11 คนลงความเห็นว่าจำเลยมีความผิด แต่ลูกขุน 1 คนไม่เห็นด้วย นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับศาลที่จะยอมรับการตัดสินของคณะลูกขุน ให้จำเลยมีความผิดตามที่ถูกตั้งข้อหาโดยปราศจากข้อสงสัย”
Prosecutor
การตัดสินคดี Source: Getty Images/Thana Prassongsin
หากคณะลูกขุนไม่มีข้อสรุป? ดร.เบิร์กอธิบายต่อว่า

“หากคณะลูกขุนไม่สามารถหาข้อสรุปที่เห็นพ้องต้องกันทั้ง 12 คนหรือ 11 ต่อ 1 ได้ กรณีนี้เรียกว่าคณะลูกขุนมีความขัดแย้งกัน นั่นหมายความว่าต้องมีการพิจารณาคดีใหม่อีกครั้งและใช้คณะลูกขุนชุดใหม่

ลูกขุนจะได้รับเงินในการปฏิบัติหน้าที่ลูกขุนในแต่ละวัน ดร.โฮแรนกล่าว

“นั่นเป็นข้อกำหนดสำหรับนายจ้างของทุกคน พวกเขาจะได้รับเงินเทียบเท่ากับสิ่งที่พวกเขามักได้รับตามปกติเมื่อพวกเขาทำงาน ในขณะที่พวกเขาทำหน้าที่เป็นคณะลูกขุน ดังนั้นในทุกรัฐและมณฑลจะจ่ายเงินคุณในวันที่คุณต้องไปทำหน้าที่คณะลูกขุน แต่หากนั่นไม่เท่ากับจำนวนที่คุณมักได้รับ นายจ้างของคุณต้องรับผิดชอบในส่วนต่างนั้น”

แม้ว่าหลายคนอาจวิตกกังวลกับการเป็นหนึ่งในคณะลูกขุน ผู้ที่ผ่านกระบวนการนี้มาแล้วมักจะเห็นคุณค่าของมัน ดร.โฮแรนกล่าว

“มันไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆ การที่คุณจะทำหน้าที่ของคนอื่นเป็นเวลาหนึ่งหรือสองอาทิตย์ แต่ในกรณีนี้ พลเมืองสามารถเป็นผู้พิพากษาและได้เห็นว่าระบอบยุติธรรมทำงานอย่างไร และนั่นเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต หลังคุณทำมัน คุณจะปลาบปลื้มใจ และผลสำรวจพบว่าหลายคนพึงพอใจที่จะทำมันอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาได้ทำแล้วครึ่งหนึ่ง”


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share