ราคาสินค้าจะถูกลง หากยกเครื่องบังคับใช้จรรยาบรรณธุรกิจกับซูเปอร์มาร์เก็ต นายกฯออสเตรเลีย กล่าว

ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อาจถูกปรับสูงสุด 10 ล้านดอลลาร์ หากฝ่าฝืนหลักจรรยาบรรณธุรกิจ

A woman walking down a supermarket aisle

The Food and Grocery Code of Conduct, which governs how supermarkets interact with suppliers, is currently a voluntary scheme. Source: AAP / Luis Ascui

ประเด็นสำคัญ
  • การทบทวนหลักจรรยายรรณด้านอาหารและของชำ ถูกแนะให้มีการบังคับใช้แทนการทำโดยสมัครใจ
  • เครก เอเมอร์สัน ซึ่งเป็นผู้นำการทบทวนเรื่องนี้ ได้เรียกร้องให้ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ฝ่าฝืนปรับเงินสูงสุด 10 ล้านดอลลาร์
  • นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีซีกล่าวว่าบังคับใช้จรรยาบรรณจะส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกลง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจรรยาบรรณภาคบังคับสำหรับซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่จะนำไปสู่การทำให้สินค้ามีราคาที่ถูกลง

การทบทวนหลักจรรยาบรรณด้านอาหารและของชำโดยสมัครใจชั่วคราว ซึ่งควบคุมวิธีที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกับซัพพลายเออร์ มีปฏิสัมพันธ์กัน สิ่งนี้กำหนดให้มีบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่ปฏิบัติตาม

การทบทวนดังกล่าวซึ่งนำโดยอดีตรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน เครก เอเมอร์สัน ได้เรียกร้องให้มีการบังคับใช้หลักจรรยาบรรณทางธุรกิจนี้ โดยมีค่าปรับสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์หรือร้อยละ 10 ของมูลค่าการซื้อขายประจำปีของซูเปอร์มาร์เก็ตในปีที่แล้ว

นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีซี ยืนกรานการเคลื่อนไหวสำหรับบังคับใช้หลักจรรยาบรรณธุรกิจที่จะนำไปสู่การบรรเทาทางการเงินเพิ่มเติมสำหรับผู้บริโภค

“งานนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีที่เราจะทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตของเรามีความสามารถในการแข่งขันได้มากที่สุด เพื่อให้ชาวออสเตรเลียได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการ หรือผู้บริโภคที่จุดชำระเงิน” เขากล่าวกับ ABC radio เมื่อวันจันทร์

“สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คืออำนาจของซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีเพียงจรรยาบรรณโดยสมัครใจ ได้สะท้อนให้เห็นถึงการขาดความมั่นใจในระบบ”

การพิจารณาได้เสนอแนะให้ใช้จรรยาบรรณธุรกิจกับซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครอบคลุมถึง Coles, Woolworths และ Aldi

ภายหลังการศึกษาพบว่า ไม่แนะนำให้มีการยุบซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจการขายกิจการ พร้อมเตือนว่าจะนำไปสู่การแข่งขันที่น้อยลงและการสูญเสียงาน

“คุณจะทำอย่างไรถ้ามีซูเปอร์มาร์เก็ตสองแห่งในเมืองใดเมืองหนึ่ง ภูมิภาค หรือชุมชน และหนึ่งในนั้นคือ Woolworths และหนึ่งในนั้นคือ Coles” อัลบานีซีถาม

“คุณจะทำอย่างไร? บอก Coles ให้ขายให้กับ Woolworths ? นั่นจะนำไปสู่การรวมตัวของอำนาจทางการตลาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน หรือคุณจะเอาบริษัทต่างชาติเข้ามาและปรากฏตัวในเมืองตามภูมิภาคต่างๆ?”
เอเมอร์สันกล่าวว่าจรรยายรรณภาคบังคับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรามซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ มากขึ้น

“สิ่งที่ฉันเสนอมีความน่าเชื่อถือ และได้รับการตรวจสอบกับ (หน่วยงานเฝ้าระวังผู้บริโภค) แล้ว ซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ จะคำนึงถึงกฎนี้เป็นอย่างมาก หากรัฐบาลหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา” เขากล่าว

 "การขายกิจการจะไม่เกิดขึ้น"

เอเมอร์สันกล่าวว่าเขาหวังว่าจะไม่ต้องเสียค่าปรับจำนวนมาก แต่ต้องมีบทลงโทษจำนวนมากเพื่อบังคับใช้จรรยาบรรณดังกล่าวอย่างเหมาะสม

“ผมหวังและคาดหวังว่าสิ่งนั้นจะไม่ต้องเอามาใช้ในทุกหวี่ทุกวัน แต่มันจะมุ่งความสนใจไปที่ฝ่ายบริหารจริงๆ” เขาบอกกับABC Radio เมื่อวันจันทร์

“คุณคงหวังและคาดหวังว่าพฤติกรรมแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น แต่แค่มีสุนัขเฝ้าบ้านอยู่นอกระเบียงด้านหลัง … มันได้รับการออกแบบมาเพื่อเน้นความสนใจของฝ่ายบริหารซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าผู้ซื้อกำลังทำอะไรอยู่”
ในขณะที่ครัวเรือนต่างๆ ประสบปัญหาในการจับจ่ายของชำเนื่องจากราคาที่สูง Woolworths และ Coles ถูกกล่าวหาว่าเป็นมีการโก่งราคา ขัดขวางคู่แข่ง และบ่อนทำลายซัพพลายเออร์

ทั้งพรรคกรีนและแนวร่วมต่างทำงานแยกกันในเรื่องการกระจายอำนาจกิจการ

เดวิด ลิตเติ้ลพราวด์ ผู้นำพรรคเนชันแนล กล่าวว่าผลการทบทวนนี้ยังต้องรอการดำเนินการอีกหลายเดือน

“คำแนะนำมากมายเหล่านั้นเป็นข้อเสนอที่พรรคเนชันแนลเสนอต่อรัฐบาลเมื่อ 15 เดือนที่แล้ว” เขากล่าวกับABC radio

“รัฐบาลจะไม่ดำเนินการนี้จนกว่าผลการทบทวนทั้งหมดจะออกมาในเดือนมิถุนายน และน่าเสียดายที่เรามีผู้คนที่ต้องตัดสินใจที่ซูเปอร์มาร์เก็ตทุกวัน”

 การเปิดรับฟังคำปรึกษาเรื่องรายงานจะมีจนถึงวันที่ 26 เมษายน


Share
Published 15 April 2024 3:48pm
Presented by Warich Noochouy
Source: AAP


Share this with family and friends